เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พลตำรวจโทปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. และผลประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ กตช. ซึ่งมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยในที่ประชุมนายกรัฐมนตรี ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายอย่างเคร่งครัด
พลตำรวจโทปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. ทั้ง 4 มาตราการอย่างเคร่งครัด ได้แก่ ควบคุมการเดินทาง ทางบก ทางอากาศและทางน้ำ , คงมาตรการเคอร์ฟิว 4 ทุ่มถึงตี 4 อีก 30 วัน , ส่วนมาตรการลดและชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด และสุดท้ายการงดกิจกรรมรวมตัวของคนหมู่มาก เช่น การชุมนุม หรือ การสังสรรค์ที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ซึ่งทั้ง 4 มาตรการเกี่ยวข้องกับงานของตำรวจ
นอกจากนี้ เตรียมจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจร่วมตำรวจทหารและฝ่ายปกครองออกตรวจตราเข้มข้น หลังมีการผ่อนคลายบางมาตรการ โดย สํานักงานตํารวจแห่งชาติ จะประสานกับฝ่ายทหาร และกระทรวงสาธารณสุข อย่างใกล้ชิดเหมือนเดิม หากตำรวจฉวยโอกาสช่วงเวลาเคอร์ฟิวแสวงหาประโยชน์จากประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการให้ถึงที่สุด
พลตำรวจโทปิยะ ยืนยันหลังปฏิบัติการภายใต้เคอร์ฟิวมาเกือบครบ 1 เดือน การตรวจค้นรถและบุคคลพบว่า มีบุคคลที่ฝ่าฝืนช่วงแรกประมาณ 1,000 คนต่อวัน แต่ระยะหลังลดลงเช่น เมื่อคืนที่ผ่านมา เหลือเพียง 448 คน และมั่วสุมในเคหะสถาน 59 คน และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ยอมรับว่ายังมีประชาชนที่ไม่ปรับพฤติกรรมตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ ยังลักลอบเล่นการพนัน ตั้งวงดื่มสุรา รวมถึงกลุ่มที่ฝ่าฝืนทำงานเกินเวลา ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายและกติกาในลักษณะนี้อย่างเข้มงวด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องร่วมออกตรวจกับตำรวจมากขึ้น เช่นกระทรวงพาณิชย์ โดยจะเร่งปรับแนวทางการทำงานในส่วนนี้ ให้สอดรับกันมากขึ้น
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ขอให้ตำรวจช่วยการจัดระเบียบการรับของแจกประชาชนตามจุดต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง หูตาไวมากขึ้น และควรเข้าพื้นที่จัดระเบียบประชาชน ก่อนถึงกำหนดเวลาที่จะแจกของ เนื่องจากประชาชนไปรอของแจก ก่อนถึงเวลาจำนวนมาก