นพ.ระวี กล่าวต่อว่า พรรคพลังธรรมใหม่ ขอชื่นชมในการตัดสินใจของดีเอสไอเป็นอย่างมากที่ยืนหยัดไปในแนวทางที่รักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง และทางพรรคขอเรียกร้องให้อัยการคดีพิเศษยื่นอุทธรณ์ต่อศาลตามที่ดีเอสไอส่งความเห็นกลับมา เพราะคดีนี้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น 2 คน มีความเห็นต่างกันผู้พิพากษาเจ้าของคดีเห็นว่า ควรจำคุกนายพานทองแท้ แต่ผู้พิพากษาอีกท่านเห็นควรให้ยกฟ้อง ซึ่งตามระเบียบของศาลต้องตัดสินในแนวทางที่เป็นผลประโยชน์ต่อจำเลยมากที่สุด ทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้อง เมื่อรายละเอียดของคดีเป็นแบบนี้จริงๆแล้วอัยการคดีพิเศษควรจะต้องยื่นอุทธรณ์ไป เพื่อให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้ตัดสินใหม่ การตัดสินใจไม่อุทธรณ์ของอัยการคดีพิเศษในครั้งนี้ด้วยเหตุผลที่กล่าวอ้างฟังไม่ขึ้น
พร้อมกล่าวว่า คดีนี้ทำให้เกิดคำถามและข้อสงสัยของประชาชนเป็นจำนวนมากว่ารอัยการยังมีจุดยืนเป็นทนายของแผ่นดินที่เป็นผู้รักษาผลประโยชน์ของชาติอยู่หรือไม่ ทำให้สูญเสียภาพลักษณ์ที่ดีของอัยการไปมาก เพราะเคยมีตัวอย่างคดีคดีเลี่ยงหุ้นชินคอร์ปฯ ของนางพจมาน ชินวัตร ที่ในปี 2554 ในช่วง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี อัยการตัดสินใจไม่ยื่นฎีกาคดีทำให้จบคดีลงโดยไม่มีการยื่นฎีกา ซึ่งเป็นที่คาใจของประชาชนเป็นจำนวนมากจนถึงทุกวันนี้ในจุดยืนของอัยการชุดนั้น
โดยพรรคพลังธรรมใหม่ ขอเรียกร้องให้อัยการคดีพิเศษเขียนคำอุทธรณ์คดีนี้อย่างละเอียดและรัดกุม บนจุดยืนที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติให้ถึงที่สุด สมกับการเป็นทนายของแผ่นดิน และหวังว่าคดีนี้จะไม่เดินซ้ำรอยประวัติศาสตร์คดีของนางพจมาน เพราะถ้าทางอัยการคดีพิเศษไม่ยื่นอุทธรณ์คดีนี้ นอกจากอัยการจะตกเป็นจำเลยของสังคมแล้ว จะส่งผลไปถึงรัฐบาลด้วยที่จะต้อง มีคนออกมาตั้งคำถามว่า รัฐบาลซูเอี๋ยกับ นายทักษิณ หรือไม่ จึงขอให้อัยการคดีพิเศษตัดสินใจบนจุดยืนเพื่อชาติเพื่อประชาชนเป็นที่ตั้ง
ทั้งนี้ ทางพรรคพลังธรรมใหม่ จะไปยื่นหนังสือให้อัยการคดีพิเศษ ที่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ ในวันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2563 เวลา 11:00 น. และจะไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในวันจันทร์ที่ 27 เมษายน 2563 เวลา 10:00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล