เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 เมษายน ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) ทนายรัชพล ศิริสาคร พร้อมนายณัฐกร คุณานันต์ และ น.ส.ณิญากร สืบเสาะจบ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.ปาณสาร บุญแจ่ม สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป.หลังเมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ถูก ส.ต.ท.กับสายลับมาค้นตัวและค้นห้องพักที่คอนโดมิเนียมย่านศรีนครินทร์ เพื่อหาอาวุธปืน และยาเสพติด แต่สุดท้ายก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
ทนายรัชพล กล่าวว่า มองว่าคดีไม่มีความคืบหน้า เกรงจะมีการช่วยเหลือกันเพราะผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจ อยากให้กองปราบตรวจสอบว่าคดีไปถึงไหนแล้ว และได้ทราบจากผู้เสียหายว่าผู้กำกับไม่ได้ชี้แจงว่ามีขั้นตอนดำเนินการอย่างไร ดำเนินคดีผู้ก่อเหตุหรือยัง ทั้งที่ตอนนี้ควรจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยแล้ว แต่ทราบว่าผู้ก่อเหตุยังไปทำงานใช้ชีวิตปกติ และเรียกผู้เสียหายไปไกล่เกลี่ยที่โรงพักโดยไม่คำนึงความปลอดภัยผู้เสียหายเลย
นายณัฐกร กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนอยู่ในห้องพัก เวลาราวตีสองครึ่ง มี รปภ.เคาะประตูเรียกตนไปขยับรถ แต่ลงมาพบเจ้าหน้าที่ 2 นาย ล็อคตัวไว้ อ้างว่าตนมีอาวุธปืน แต่ค้นไม่เจอ แล้วบอกว่าตนขายยาเสพติด แต่ก็ค้นไม่เจอ แล้วขู่ให้พาขึ้นห้องไม่งั้นตนจะเดือดร้อน พอค้นห้องตนก็ไม่พบอะไร ขอตรวจปัสสาวะไม่พบอะไรอีก แต่ก่อนกลับเขาบอกให้ตนหาใครก็ได้ที่มีปืนหรือมียาเสพติดแล้วก็โทรศัพท์หานายจึงออกไป ทั้งนี้หลังเกิดเหตุตนพบว่าพระเลี่ยมทององค์เล็กบนหัวเตียงนอนในห้องตนได้หายไป แต่ก็ไม่ได้จะกล่าวหาทั้งสองคนนี้เพราะไม่มีหลักฐาน
น.ส.ณิญากร กล่าวต่อมาตำรวจนัดไปไกล่เกลี่ยที่ร้านกาแฟข้างโรงพัก แล้ว ส.ต.ท.บอกว่า “พี่ขอโทษ จะไม่ไปก่อเหตุแบบนี้อีกแล้ว” ก่อนจะมีคนอ้างตัวเป็นตำรวจนายอื่น โทรศัพท์มาบอกว่าจะมีค่าทำขวัญและค่าพระหายให้ แต่ไม่ได้บอกจำนวนว่าเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ตนเคยได้ยินชื่อของเจ้าหน้าที่รายนี้มาก่อน แต่ไม่ได้รู้จักกัน เพราะแม่บ้านที่คอนโดเคยเห็นเจ้าหน้าที่นายนี้มาก่อเหตุเดียวกันแล้วหลายครั้ง เมื่อเป็นข่าวขึ้นก็มีคนแจ้งทางเฟซบุ๊กเข้ามาเยอะมากว่าเคยถูกเจ้าหน้าที่มาก่อเหตุเดียวกันแต่ไม่มีหลักฐาน
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายก่อนรายงานผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป