หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม"บิ๊ก​อู๊ด" แถลงข่าวผลการจับกุม​ หลอกขายหน้ากากอนามัย​ และเกินราคา​ หลายคดี

“บิ๊ก​อู๊ด” แถลงข่าวผลการจับกุม​ หลอกขายหน้ากากอนามัย​ และเกินราคา​ หลายคดี

วันที่ 23 เม.ย.63 เวลา 10.30 น.ณ ห้องศูนย์ TIC ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร​ กทม.​ : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี,พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ,พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์,พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รอง ผบช.ตชด.ปฏิบัติราชการ สตม.,พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.สงป. ปฏิบัติราชการ สตม.,พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น​ ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม.ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

คดีที่​ 1. จับผู้ต้องหาอ้างตนเป็น ร.ต.อ. หลอกขายหน้ากากอนามัย ตุ๋นผู้เสียหาย 1.46 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. นำโดย พ.ต.อ.ชาติชาย ตันติวุฒิวร ผกก.1 บก.สส.สตม.,พ.ต.ท.พญา อ่อนศรีประไพ รอง ผกก.1 บก.สส.สตม.,ว่าที่ พ.ต.ท.วิชัย สังข์สอน สว.กก.1 บก.สส.สตม.,ร.ต.อ.ภูริศ คำหมื่น รอง สว.กก.1 บก.สส.สตม. พร้อมกำลัง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ชป.4 ศปอส.ตร.,กก.สส.4 บก.สส.ภ.8 และ สภ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี จับกุมนายธรณิศร หรือเชน อายุ 25 ปี สัญชาติไทย และนางศิระกาญจน์ หรือเบิร์ด อายุ 38 ปี สัญชาติไทย นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีโดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น”
พฤติการณ์ บก.สส.สตม.

ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายได้ติดต่อพูดคุยกับคนร้ายผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ “ผู้กองเมษฐ์” โดยคนร้ายได้เสนอขายหน้ากากอนามัยให้กับผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินเข้าบัญชีของคนร้าย บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อนางศิระกาญจน์ จำนวน 8 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,460,000 บาท ซึ่งหลังจากโอนเงินไปแล้วคนร้ายก็ ไม่ส่งหน้ากากอนามัยให้และบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกคนร้ายหลอกลวงให้ได้รับความเสียหาย จึงได้แจ้งความต่อ พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายตามกฎหมายพล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดในคดีดังกล่าว ซึ่งจากการสืบสวนของ กก.1 บก.สส.สตม.

โดยการตรวจสอบข้อมูลจากเลขบัญชีธนาคารตลอดจนการไล่ภาพจากกล้องวงจรปิด ทราบว่าผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวมีจำนวน 2 คน ได้แก่ นายธรณิศร หรือเชน อายุ 25 ปี สัญชาติไทย เป็นผู้หลอกขายหน้ากากอนามัย และ นางศิระกาญจน์ หรือเบิร์ด อายุ 38 ปี สัญชาติไทย (แม่เลี้ยงนายธรณิศร) เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้าฯ หลังจากนั้นจึงได้ทำรายงานการสืบสวนส่งไปให้ พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อขอศาลออกหมายจับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ร่วมกับ ศปอส.ตร., กก.สส.4 บก.สส.ภ.8 และ สภ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี นำหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 194/2563 ลงวันที่ 11 เมษายน 2563 ไปจับกุมตัวนางศิระกาญจน์ ได้ที่ บ้านพักใน จว.สุราษฎร์ธานี และนำหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 195/2563 ลงวันที่ 11 เมษายน 2563 ไปจับกุมนายธรณิศร ได้ที่บริเวณปากซอยศรีเกษม 21 ถ.ศรีเกษม ต.มะขามเตี้ย อ.เมืองสุราษฎร์ จ.สุราษฎร์ธานี จากการสอบถามนายนายธรณิศฯ ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้นำภาพถ่ายของ พ.ต.ต.กฤต เจริญผล สว.อก.สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก มาใช้ในการสร้างเฟสบุ๊คชื่อ “ผู้กองเมษฐ์” แล้วหลอกลวงขายหน้ากากอนามัยให้กับผู้เสียหาย ต่อมาเมื่อผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีของนางศิระกาญจน์ฯ ซึ่งเป็นแม่เลี้ยง ตนก็ได้ไปกดเงินบางส่วนจากตู้เอทีเอ็ม บางส่วนได้นำไปใช้ในการเล่นการพนัน เที่ยวเตร่ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ส่ง พงส.สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่​ 2.รวบสาวแสบหลอกขายหน้ากากอนามัย ซ้ำเติมประชาชน ช่วงวิกฤต โควิด-19 หลอกผู้เสียหายกว่า 100 ราย
พล.ต.ต.พีรวัส บุญลอย ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผกก.4 บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ภคยศ ทนงศักดิ์ ผกก.สส.บก.ตม.6,พ.ต.ท.เสกสรร โคตรสิงห์ รอง ผกก.กก.4 บก.สส.สตม. และ พ.ต.ต.นนท์สมรรถ โบว์สุวรรณ สว.กก.4 บก.สส.สตม.สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ประกอบด้วย
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ศปชก.สตม. โดย พ.ต.ต.พงษ์ศิริ พิทักษ์ สว.ตม.จ.สงขลา,ร.ต.อ.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า รอง สว.สส.กก.4 บก.สส.สตม.,ส.ต.ท.กิตติวัฒน์ จิตเที่ยง ผบ.หมู่ กก.4 บก.สส.สตม.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.4 บก.สส.สตม. โดยพ.ต.ต.นนท์สมรรถ โบว์สุวรรณ สว.กก.4 บก.สส.สตม.,ว่าที่ ร.ต.ต.เอกชัย ปุกหุต รอง สว.กก.4 บก.สส.สตม.,ส.ต.ต.รดิศ สิทธิประศาสน์ ผบ.หมู่ กก.4 บก.สส.สตม.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.สส.บก.ตม.6 โดย พ.ต.ท.ณัฐจักร์ กสิกรเมธากุลสว.สส.ฯ,ร.ต.อ.วิเชษฐ วรรณสวัสดิ์​ สว.สส.ฯ,ร.ต.อ.กันต์ อักษรทอง รอง สว.ฯ,ส.ต.ต.บุญฤทธิ์ เอียงอิ่ม ผบ.หมู่.ฯ

โดยศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกองกำกับการ 4 กองบังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีบุคคลใช้บัญชีใน FACEBOOK ว่า “Rakasong khaituk” ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น “อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับ” ที่ได้โพสต์ข้อความในระบบของ ว่ามีหน้ากากอนามัยจำหน่าย ในราคากล่องละ 480 บาท โดย 1 กล่องมีหน้ากากอนามัยจำนวน 50 ชิ้น แต่เมื่อมีประชาชนหลงเชื่อทำการติดต่อแล้วโอนเงินเพื่อสั่งซื้อกลับปรากฏว่าไม่ได้รับสินค้าแต่อย่างใด ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ทำการสืบสวน จนทราบว่าผู้ต้องหาดังกล่าว คือนางสุวรรณา อายุ 30 ปี จากนั้นจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จึงทำการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วยื่นต่อพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ซึ่งต่อมาได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหา ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ต่อมาเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2563 ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ทำการสืบทราบว่าผู้ต้องหาดังกล่าวเดินทางหลบหนีไปอยู่ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เดินทางไปจนพบว่า ผู้ต้องหาดังกล่าวได้พักอยู่ที่บ้านใน อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบแล้วพบผู้ต้องหาจึงได้แสดงหมายจับเพื่อทำการจับกุม โดยผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และได้นำส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการขยายผลทราบว่าผู้ต้องหาดังกล่าวมีพฤติการ์ณในการหลอกขายหน้ากากอนามัยผ่านทาง FACEBOOK โดยมีประชาชนหลงเชื่อและเสียหายกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท อีกทั้งจากการตรวจสอบข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต พบว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมในการหลอกลวงประชาชนผ่านการขายเสื้อผ้าหรือสิ่งของต่างๆใน FACEBOOK มาตั่งแต่ปี 2559 โดยจากการตรวจสอบบัญชี FACEBOOK ของผู้ต้องหาพบว่ามีประชาชนที่หลงเชื่อและถูกหลอกไม่ต่ำกว่า 300 ราย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะได้ทำการติดต่อผู้เสียหายเพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

คดีที่​ 3.บก.สส.สตม. จับกุมผู้ต้องหา กักตุน ขายหน้ากากอนามัยเกินราคา

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สส.สตม.ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายว่ามีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาและไม่ได้มาตรฐาน บริเวณสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช จึงได้ออกสืบสวน จนจับกุมนายมนต์ชัย พร้อมพวกรวม 3 คน ขณะกำลังขายหน้ากากอนามัยราคาชิ้นละ 20 บาท ซึ่งเกินราคา พร้อมหน้ากากอนามัยจำนวน 403 ชิ้น แจ้งข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาสูงกว่าราคาที่กำหนดเป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการฯ และจากการสืบสวนขยายผลทราบว่าเส้นทางการลักลอบจำหน่ายหน้ากากอนามัยมาจากย่านสำเพ็ง เยาวราช โดยมีชาวกัมพูชาลักลอบนำเข้ามากักตุนไว้บริเวณชายแดนในเขตจังหวัดสระแก้ว แล้วกระจายเข้ามาในเขตกรุงเทพมหานคร วันที่ 4 เมษายน 2563 เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.สส.สตม. ได้ลงพื้นที่ อ.คลองลึก จ.สระแก้ว เพื่อสืบสวนการลักลอบนำหน้ากากอนามัยเข้ามากักตุน สามารถจับกุมผู้ต้องหานายลี่ และนายกุย ชาวกัมพูชาพร้อมหน้ากากอนามัยจำนวน 2,500 ชิ้น เตรียมออกจำหน่ายซึ่งกักตุนไว้ในห้องเช่าภายในตลาดเทศบาล3 ต.อรัญประเทศ
อ.คลองลึก จ.สระแก้ว ผู้ต้องหาทั้งสองคนรับว่าได้ติดต่อชาวกัมพูชาให้ลักลอบนำเข้ามาทางบริเวณป่าแนวตะเข็บชายแดน จึงได้แจ้งข้อหาซื้อ จำหน่าย หรือรับไว้ด้วยประการใดซึ่งของอันพึงรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรฯ และจากการจับนายมนต์ชัย นายลี่ และนายกุย ทั้งสองคดี เจ้าหน้าที่ยังสืบสวนขยายผลเข้าจับกุม น.ส.นานู ซึ่งใช้เฟซบุ๊คชื่อ “คุณวรรณ” โฆษณาขายหน้ากากอนามัยในราคากล่องละ 720 บาท และโอนเงินจ่ายทางบัญชีธนาคาร และส่งหน้ากากให้ทางพัสดุไปรษณีย์เจ้าหน้าที่ได้ให้สาบลับแฝงตัวเข้าไปสั่งซื้อ จนสามารถจับกุมได้ที่บ้านพัก ใน ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พร้อมหน้ากากอนามัย 300 ชิ้น แจ้งข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาสูงกว่าราคาที่กำหนดเป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการฯ

คดีที่​ 4.บก.สส.สตม. จับกุมผู้ต้องหา ขายหน้ากากอนามัยเกินราคา

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 63 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สส.สตม.ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายว่ามีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคา ในเฟสบุ๊คบัญชีผู้ใช้ชื่อ “Chaiphichayut” ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สส.สตม. จึงได้ร่วมกันกับ ศปชก.สตม. ทำการตรวจสอบเฟสบุ๊คดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่าจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาสูงเกินสมควร คือราคากล่องละ 550 บาท คิดเป็นชิ้น ชิ้นละ 11 บาท จากนั้นจึงได้ให้สายลับทำการล่อซื้อหน้ากากอนามัย จำนวน 100 กล่อง คนร้ายจึงได้ทำการนัดรับเงินและส่งมอบหน้ากากอนามัย ที่บริเวณลานจอดรถอพาร์ทเม้นท์ อพาร์ทเม้นท์ ซ.จรัญสนิทวงศ์ 40 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม.

เมื่อถึงเวลาที่กำหนดนัดหมายรับหน้ากากอนามัยและจ่ายเงิน ได้มีนายณรงค์เดช ขับรถเข้ามาจอดบริเวณที่ลาดจอดรถที่นัดหมาย และโทรมายังสายลับเพื่อให้มารับสินค้าและจ่ายเงินค่าหน้ากากอนามัย จากนั้น นายณรงค์เดช ได้ส่งมอบหน้ากากอนามัย จำนวน 100 กล่อง ที่อยู่ในรถ สายลับจึงได้มอบเงินจำนวน 55,000 บาท จากนั้นได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมนายณรงค์เดช และเข้าทำการตรวจค้นภายในรถ ปรากฏว่าพบหน้ากากอนามัยอีก 19 กล่อง รวมมีหน้ากากอนามัยทั้งสิ้น 119 กล่อง(หน้ากากอนามัยจำนวน 5,950 ชิ้น) และได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในเข้าตรวจสอบหน้ากากอนามัยของกลาง ปรากฏว่าหน้ากากอนามัยของกลางที่ทำการตรวจยึด เป็นสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศจีนและจำหน่ายในราคาที่สูงเกินสมควรจริง เนื่องจากหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ซึ่งหากเทียบเคียงประเภทเดียวกัน จะจำหน่ายในราคา 132 บาท ต่อกล่อง รวมถึงหน้ากากอนามัยของกลางดังกล่าวก็ไม่ได้มีการยื่นแบบแจ้งราคาจำหน่ายต่อเลขาธิการคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ อีกด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาสูงกว่าราคาที่กำหนดเป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการฯ และได้นำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สุรเชษฐ​ ศิลา​นนท์​ รายงาน​

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img