นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว “Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ถึงข้อ เสนอ แก้ปัญหาไฟป่าอย่างยั่งยืนด้วย “3 ท.” ทรัพยากร , ท้องถิ่น , เทคโนโลยี โดยมีใจความว่า วิกฤตไฟป่าครั้งนี้นอกจากจะพรากชีวิตผู้คนไปแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้างทั้งการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ และปัญหามลพิษฝุ่น PM 2.5 ตน อยากถามว่า ระหว่างเรือดำน้ำหรือเครื่องบินรบ กับเครื่องบินดับไฟป่า อะไรสำคัญกว่ากัน ควรจะลงทุนกับอะไรก่อนเพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนอยู่ได้ คงจะถึงเวลาแล้วที่จะต้องตระหนักถึงปัญหาและเปลี่ยนแปลงมุมมองวิธีคิดในการแก้ไขให้ถึงรากฐานอย่างจริงจัง ซึ่งจะแก้ปัญหาให้ได้อย่างยั่งยืนตนเสนอหลักการง่ายๆ ที่เรียกว่า “3 ท.” ประกอบด้วย ท. ท้องถิ่น : แนวคิดในการจัดการและปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ คือ ให้ผู้ที่ใกล้ชิดทรัพยากรที่สุด และใช้ประโยชน์ในทรัพยากรมากที่สุด เป็นผู้ดูแลทรัพยากรให้มากที่สุด รัฐราชการที่รวมศูนย์ต้องถอยไปเป็นผู้สนับสนุนและช่วยเหลือในสิ่งที่ท้องถิ่นไม่สามารถทำได้เท่านั้น โดยต้องกระจายอำนาจให้ชุมชนเป็นหลัก
ท. ทรัพยากร : กระจายอำนาจสู่ชุมชนท้องถิ่น ต้องมาพร้อมกับการกระจายทรัพยากร อัตรากำลังเจ้าหน้าที่ และเข้าไม่ถึงหลายพื้นที่ ดังนั้นหน้าที่ของรัฐส่วนกลางในฐานะผู้สนับสนุนท้องถิ่น จึงจำเป็นต้องให้อำนาจและงบประมาณอย่างจริงใจ เพื่อให้ท้องถิ่นแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
ท. เทคโนโลยี : รัฐส่วนกลางดูเหมือนจะยังไม่ให้ความสำคัญกับการผลิต หรือจัดซื้อเทคโนโลยีระดับสูงในการดับไฟป่า ซึ่งความหลากหลายของเครื่องมือก็เพื่อการใช้เทคโนโลยีให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ ในการแก้ปัญหา และที่สำคัญต้องมีการประสานงานกับทีมภาคพื้นดินให้ดีด้วย รัฐบาลต้องกล้ายอมรับว่าทรัพยากรกับเทคโนโลยีของเราอาจไม่เพียงที่จะจัดการภัยพิบัติขนาดใหญ่นี้ได้โดยลำพัง เควรประสานขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ ที่มีความเชี่ยวชาญ มีเทคโนโลยีการจัดการไฟป่า นี่ไม่ใช่เรื่องต้องกลัวเสียหน้าแต่เป็นเรื่องมนุษยธรรมและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับนานาชาติท่ามกลางวิกฤต