น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงที่ประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ (กมธ.ปปช.) ว่า กมธ. ได้ร่วมกันสอบสวนกรณีหน้ากากอนามัยขาดตลาดและมีราคาแพง ซึ่งจากการฟังผู้ชี้แจงมาให้ข้อเท็จจริงนั้น พบว่ามีความไม่ชอบมาพากลอยู่หลายประการ โดยเฉพาะสัปดาห์สุดท้ายก่อนการประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ นั้น ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม ถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ปรากฏ ว่ามีการรีบเร่งส่งออกหน้ากากอนามัยเป็นจำนวนมหาศาลถึง 200 กว่าตัน หรือคิดเป็น 70 กว่าเปอร์เซนต์ของปริมาณส่งออกทั้งหมดของเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์

ที่สงสัยก็คือ ทำไมอาทิตย์สุดท้ายก่อนประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ที่ต้องขอใบอนุญาตส่งออก บริษัททั้งหลายจึงรีบส่งออกหน้ากากอนามัยปริมาณมหาศาลมากกว่า 200 ตัน ออกนอกประเทศ เหมือนกับจะทราบล่วงหน้าว่าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ จะส่งออกเสรีไม่ได้ ทั้งๆ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พึ่งออกมายืนยันเมื่อวันที่ 30 มกราคมว่า ประเทศไทยมีสต็อกหน้ากากอนามัยเพียงพอกับคนทั้งประเทศ ซึ่งจะเป็นความจริงทันทีถ้ามันไม่ถูกส่งออกไป แต่สุดท้ายก็ถูกรีบเร่งส่งออกไปทั้งหมด ทำให้อุปกรณ์พื้นฐานในการป้องกันตัวเองของคนไทยขาดแคลนและมีราคาแพงขึ้น

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. จะเกาะติดเรื่องนี้ต่อไป และจากข้อมูลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าคณะกรรมาธิการทุกคนจะร่วมกันกระชากหน้ากากขบวนการหาผลประโยชน์บนความทุกข์ของคนไทยทั้งประเทศในครั้งนี้ออกมาให้ได้

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลกำหนดมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิดในครั้งนี้ ว่า ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความสำคัญและดำเนินการตามข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยเกือบทั้งหมด แม้จะยังไม่ครบทุกข้อก็ตาม แต่ความช่วยเหลือเหล่านี้จะเป็นมาตรการสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่ผ่านวิกฤติในช่วงนี้ไปได้ แต่สิ่งที่ตนเองเป็นห่วงก็คือมาตรการทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่มีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อเยียวยาจำนวนมหาศาล ขณะเดียวกันกับที่รัฐบาลเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า และ “จีดีพี” ปีนี้จะติดลบอย่างแน่นอน ดังนั้นเงินที่จะนำมาใช้กับมาตรการชดเชยรายได้ให้กับประชาชนเชื่อว่ารัฐบาลจะขอสินเชื่อเงินกู้แน่นอน ซึ่งหากจำเป็นจะกู้ก็ต้องกู้ ขอเพียงรัฐบาลมีวินัยทางการเงินและกู้ที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อเป็นการลดภาระของลูกหลานในอนาคต แต่ที่สำคัญ อยากเสนอแนะให้รัฐบาลใช้เงินตัวเองก่อน ด้วยการชะลอการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่จำเป็นและโยกเงินเหล่านี้มาใช้ในมาตรการเร่งด่วน เพื่อลดการกู้เงินลงไปให้น้อยที่สุด