“ไปรษณีย์ไทย” ชู thailandpostmart.com ร่วมมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ทั้ง 3 เฟส ลูกค้าสามารถ จ่ายค่าสินค้าด้วย G-Wallet 2 พร้อมรับเงินคืนสูงสุด 20% เปิดโอกาสให้วิสาหกิจชุมชนลงทะเบียน นำสินค้ามาจำหน่ายบนออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ thailandpostmart.com แหล่งรวมสินค้าชุมชนที่ใหญ่ที่สุด มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจให้คนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
กรุงเทพฯ 6 ธันวาคม 2562 – กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ ธนาคารกรุงไทย จับมือเดินหน้าสนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ทั้ง 3 เฟส ขยายการใช้จ่ายในส่วนของ G-Wallet 2 ให้สามารถซื้อสินค้าและบริการผ่านระบบเว็บไซต์กลางที่สามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ โดยมอบให้ไปรษณีย์ไทยซึ่งมีเว็บไซต์ thailandpostmart.com แหล่งรวมสินค้าชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็น e-Marketplace ร่วมกับธนาคารกรุงไทย พัฒนาระบบการชำระเงินด้วยแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เมื่อช้อปสินค้าในเว็บไซต์ thailandpostmart.com พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 ได้แก่ ต่อที่ 1 รับเงินคืน หรือแคชแบ็ค (Cash Back) จากมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” โดยยอดซื้อไม่เกิน 30,000 บาท รับแคชแบ็ค 15% และยอดซื้อตั้งแต่ 30,001 – 50,000 บาท รับแคชแบ็ค 20% ต่อที่ 2 เมื่อช้อปสินค้าหมวด ชิม ช้อป ใช้ ครบ 1,000 บาทขึ้นไป รับคูปองส่วนลด 5% สำหรับการใช้จ่ายสินค้าในหมวดอื่นๆ ในครั้งถัดไป และต่อที่ 3 บริการขนส่งสินค้าจากออนไลน์สู่ปลายทางทุกที่ทั่วไทยด้วยบริการ EMS ส่งถึงผู้รับภายใน 1-2 วัน
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของไปรษณีย์ไทยในการเป็นหน่วยงานหลักที่ได้พัฒนาระบบงานร้านค้าออนไลน์ ระบบการชำระเงินค่าสินค้า และระบบการขนส่ง เพื่อสร้างโอกาสให้ร้านค้าชุมชนด้วยการนำสินค้าจากชุมชนมาจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ thailandpostmart.com แบ่งหมวดสินค้าเป็น 8 กลุ่มหลัก ได้แก่ อร่อยทั่วไทย ของดีประจำจังหวัด สินค้าชุมชน สินค้าไปรษณีย์ สุขภาพและความงาม บ้านและสวน ยานยนต์ และสินค้าฮาลาล โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนร้านค้ากว่า 4,000 ราย และมีสินค้าซึ่งเป็นของดีของเด่นจากทั่วประเทศมากกว่า 17,000 รายการ ซึ่งความร่วมมือกับกระทรวงการคลังในครั้งนี้นับเป็นโอกาสดีในการเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้าของวิสาหกิจชุมชน และเพิ่มสิทธิในการช้อปออนไลน์ของผู้ที่ลงทะเบียนในมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ด้วย โดยจะช่วยให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ และกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการรายย่อย กลุ่มวิสาหกิจชุมชนมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนกลับสู่ชุมชนได้มากถึงปีละกว่า 31 ล้านบาท สำหรับผู้สนใจสามารถช้อปสินค้าที่ร่วมมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ที่เว็บไซต์ thailandpostmart.com และ ที่ทำการไปรษณีย์ 20 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยไปรษณีย์ไทยพร้อมจัดส่งด้วยระบบการขนส่งสินค้าที่สะดวก ปลอดภัย มีมาตรฐาน
ดร.ชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 เห็นชอบมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ปรับปรุงเงื่อนไขให้ใช้จ่ายได้ทุกจังหวัดรวมทั้งที่อยู่ตามสำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมขยายระยะเวลาการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G-Wallet 2 ทั้ง 3 เฟส ถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศประสบปัญหา รวมถึงเป็นการสนับสนุนนโยบาย e-Payment หรือการจ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาลให้กระจายออกในวงกว้างสู่ผู้ประกอบการในชุมชน เป็นการขยายตลาดและยกระดับให้สินค้าและบริการท้องถิ่นสามารถซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ได้ จึงเล็งเห็นว่าไปรษณีย์ไทยสามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ให้เกิดการซื้อขายด้วยระบบ e-Commerce ได้ โดยจากการลงพื้นที่หลายจังหวัด เช่น นครปฐม สมุทรปราการ นครราชสีมา สุพรรณบุรี และล่าสุดที่ จ.เชียงใหม่ พ่อค้าแม่ค้ามียอดขายเพิ่มขึ้น รวมถึงประชาชนตามตลาดต่างๆ ชื่นชอบโครงการนี้ และคุ้นเคยกับการใช้จ่ายในรูปแบบสังคมไร้เงินสดมากขึ้น
นอกจากนี้ได้ถือโอกาสเชิญชวนวิสาหกิจชุมชนต่างๆ หรือชาวบ้านที่ผลิตสินค้าตามโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) สมัครเข้าร่วมมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” เพื่อเป็นช่องทางขายสินค้าให้ได้เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะจำหน่ายบนออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ thailandpostmart.com หรือผ่านหน้าร้าน ซึ่งเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะจัดงานใหญ่ปลายปี OTOP City 2019 ในวันที่ 15 – 23 ธันวาคมที่จะถึงนี้ที่เมืองทองธานี เพื่อให้ประชาชนสามารถไปเลือกซื้อกระเช้าของขวัญและสินค้าโอทอปประเภทต่างๆ ทั้งที่ได้เข้าร่วมมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” แล้ว และกำลังจะเข้าร่วมโครงการ ซึ่งอยากเชิญชวนให้ช่วยกันสนับสนุนเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในชนบท ทำให้เกิดการกระจายรายได้และส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจในระดับฐานราก
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน จนถึงวันที่ 4 ธันวาคม 2562 มีผู้ลงทะเบียนที่ได้ใช้สิทธิ์รวมทั้ง 3 เฟส จำนวน 11.8 ล้านราย มีการใช้จ่ายรวมแล้วกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายจาก G-Wallet 1 จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท สำหรับ G-Wallet 2 มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 275,000 ราย มียอดการใช้จ่ายรวม 7.3 พันล้านบาท หรือเฉลี่ยรายละประมาณ 26,000 บาท โดยยอดใช้จ่ายผ่าน G- Wallet 2 มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเมื่อมีการเพิ่มช่องทางในการสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทย ในครั้งนี้คาดว่ายอดการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ ในมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ทั้ง 3 เฟส โดยขยายช่องทางการซื้อสินค้าของประชาชนไปสู่ e-Marketplace ผ่านช่องทางของ thailandpostmart.com ซึ่งถือเป็นแหล่งรวมสินค้าโอทอปจากชุมชน และผลิตผลทางการเกษตร ในระบบ e-Commerce ที่ใหญ่ที่สุด และยังเป็นการส่งเสริมการจ่ายเงินผ่านระบบอิเลคทรอนิกส์ เพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และผู้ประกอบการรายย่อยโดยตรง
ความร่วมมือในการให้บริการดังกล่าวผ่าน G-Wallet เป็นครั้งแรก ประชาชนสามารถซื้อสินค้าผ่าน e-Marketplace ที่เว็บไซต์ thailandpostmart.com ด้วยขั้นตอนง่ายๆ สะดวกและรวดเร็ว เพื่อการบริโภคหรือการสั่งซื้อมาเป็นของที่ระลึกในช่วงเทศกาลอันใกล้นี้ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน เป็นต้น คือ เข้าไปที่เว็บไซต์ thailandpostmart.com เลือกซื้อสินค้าในหมวด “ชิม ช้อป ใช้” ที่รวบรวมของดีของเด่นจากจังหวัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผึ้งดอกลำไยแท้ และน้ำผึ้งเบญจพรรณ จากวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์จากผึ้งป่าก๋อย จ.เชียงราย กาแฟถ้ำสิงห์ จากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟบ้านถ้ำสิงห์ จ.ชุมพร แดงแหนมเนือง จ.หนองคาย วีทีแหนมเนือง จ.อุดรธานี ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรน้ำนมข้าวจากวิสาหกิจชุมชนชีววิถี จ.น่าน ผ้าไหมไทย จ.สุรินทร์ เสื้อผ้าฝ้ายแต่งขิด จ.ชัยภูมิ เสื้อล้านนา จ.เชียงราย เครื่องประดับเงิน จ. สุโขทัย เป็นต้น
หลังจากเลือกซื้อสินค้าแล้ว กรอกที่อยู่สำหรับจัดส่งสินค้า และเลือกวิธีการชำระเงินด้วยแอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยให้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 ใส่ G-Wallet ID 15 หลัก และหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียน “ชิม ช้อป ใช้” จากนั้นยืนยันการทำรายการ สำหรับการใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาทแรก จะได้รับ cash back 15% และได้รับ cash back 20% สำหรับการใช้จ่าย 30,001 – 50,000 บาท รวมยอด cash back สูงสุด 8,500 บาทต่อราย และเมื่อช้อปสินค้าหมวด ชิม ช้อป ใช้ ที่เว็บไซต์ thailandpostmart.com ครบ 1,000 บาทขึ้นไป รับคูปองส่วนลด 5% สำหรับการใช้จ่ายสินค้าในหมวดอื่นๆ ในครั้งถัดไป ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย จะพร้อมจัดส่งสินค้าจากเว็บไซต์ thailandpostmart.com สู่ปลายทางทุกที่ทั่วไทยด้วยบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS ส่งถึงผู้รับภายใน 1-2 วัน
นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ “ชิม ช้อป ใช้ @thailandpostmart by ไปรษณีย์ไทย” โดยร้านค้าสามารถขึ้นทะเบียนกับกรมบัญชีกลางได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 มกราคม 2563 ณ สำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัด ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถยื่นใบสมัครได้ที่กรมบัญชีกลาง เมื่อได้รับการอนุมัติจากกรมบัญชีกลางแล้ว สามารถลงทะเบียนขายสินค้าได้ที่เว็บไซต์ thailandpostmart.com โดยเลือกลงทะเบียนร้านค้าในหมวดชิม ช้อป ใช้ จากนั้นรออนุมัติ 7 วัน เมื่อร้านค้าได้รับ การอนุมัติแล้ว สามารถขายสินค้าได้ทันที
ด้าน นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า การร่วมมือกับไปรษณีย์ไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ทั้ง 3 เฟส ในการสั่งซื้อสินค้าของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ผ่านทางเว็บไซต์ thailandpostmart.com โดยชำระเงินด้วยแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ผ่าน G-Wallet 2 นับเป็นการตอบโจทย์ผู้รับสิทธิที่ไม่มีเวลาเดินทาง โดยมีสินค้าหลากหลายให้เลือกจากทุกภูมิภาค และเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการกระตุ้นการใช้จ่ายสู่เศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนในการใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 เพิ่มมากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล และเป็นการสร้างประสบการณ์ให้ประชาชนในการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดตามนโยบาย Thailand 4.0
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandpost.co.th หรือสอบถามข้อมูลอื่นๆ ได้ที่ THP Contact Center 1545