วันที่ 16 ตค.62  ด้วย กองบังคับการปราบปราม ได้รับการประสานจาก พ.ต.อ.สนธยา ใหญ่ไล่บาง ผกก.สภ.แปลงยาว  ให้ช่วยติดตามจับกุม นางสาวสุนิษา บุปผา ผู้ต้องหาตามหมายจับของ สภ.แปลงยาว ซึ่งได้หลบหนีอยู่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต  ต่อมา พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก 5. บก.ป. , พ.ต.ท.เผด็จ งามละม่อม รอง ผกก.5. บก.ป. , พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิยโย  สว.กก.5. บก.ป. , พ.ต.ต.ณัฐวุฒิ ปรีผ่อง สว.สส.สภ.แปลงยาว และ ร.ต.อ.พิทยา ธนาวุฒิ รอง สว.กก.5. บก.ป.  ได้ร่วมกันจับกุมตัว

นางสาวสุนิษา บุปผา อายุ 31ปี สัญชาติไทย ที่อยู่ 159/9 หมู่ที่ 12 ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา   ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนแชร์รวมกันมากกว่าสามวง และ ฉ้อโกงประชาชน ” จับกุมได้ บริเวณโรงแรมแห่งหนึ่ง ใน ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต

ทั้งนี้เนื่องจาก  เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562เจ้าพนักงานตำรวจ กก.5. บก.ป. ได้รับการประสานจาก เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.แปลงยาว ให้ดำเนินการสืบสวนและติดตามจับกุม น.ส.สุนิษา บุปผา ซึ่งเป็นผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทราที่ จ.440/2560 ลงวันที่ 1พฤศจิกายน 2560โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนแชร์รวมกันมากกว่าสามวง และฉ้อโกงประชาชน ” ซึ่งต่อมาได้สืบทราบว่า น.ส.สุนิษาฯ ได้หนีมาทำงานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จว.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบ น.ส.สุนิษา บุปผา ทำงานอยู่จริง  เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เข้าไปแสดงตัวว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และทำการจับกุมส่ง  พนักงานสอบสวน สภ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

น.ส.สุนิษา บุปผา ผู้ต้องหา รับว่าเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2559-2560 ตนได้ทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ซิตี้ จว.ฉะเชิงเทรา และได้ชักชวนเพื่อนที่รู้จักเปิดวงแชร์โดยตนเองเป็นท้าวแชร์ หลังจากนั้นได้มีการจัดตั้งกลุ่มไลน์เพื่อเปิดวงแชร์ใหม่ จนกระทั่งมีวงแชร์ประมาณ ๒๐-๓๐ วง มีลูกแชร์ประมาณ วงละ 10-15 คน ส่งค่าแชร์มือละ 1,000 ถึง 5,000 บาท มูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท ระยะแรกลูกแชร์ที่เปียได้เงินตามปกติและได้ดอกค่อนข้างสูง แต่หลังจากเปิดได้ประมาณปีกว่า มีลูกแชร์บางคนหนีไม่ยอมจ่ายเงิน ทำให้ ตนเองไม่สามารถหาเงินมาจ่ายลูกแชร์รายอื่นๆได้ มีผู้เสียหายกว่า 100 คน จึงตัดสินใจหนีมาหลบซ่อนตัวและมาทำงานอยู่ที่ จ.ภูเก็ต กระทั่งถูกจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต