หน้าแรกเศรษฐกิจ-การเงินกรุงศรีโชว์เคสนวัตกรรมการเงินภายใต้แนวคิด “Think Digital First”

กรุงศรีโชว์เคสนวัตกรรมการเงินภายใต้แนวคิด “Think Digital First”

กรุงศรีโชว์เคสนวัตกรรมการเงินภายใต้แนวคิด “Think Digital First”

บนแพลตฟอร์มธุรกิจที่ทำเรื่องเงินให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับลูกค้า

กรุงเทพฯ (18 กรกฎาคม 2562) – กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้งและนวัตกรรมในการพัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจเพื่อลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจ โชว์เคส 5 นวัตกรรมเด่น ประกอบด้วย e-KYC, e-Savings, Thai QR Cross-border, Tablet Application และ Supply Chain on Blockchain & AI ในงาน Bangkok FinTech Fair 2019 สะท้อนแนวคิด Think Digital First ที่ขับเคลื่อนการสร้างและส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินที่เหนือกว่า ทำเรื่องเงินให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับลูกค้าอย่างแท้จริง

นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และผู้บริหารสายงานดิจิทัลแบงก์กิ้งและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรีมุ่งขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ผ่านการคิดค้นนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ในภาคธนาคารอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสนับสนุนและส่งเสริมนโยบายของภาครัฐในการยกระดับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตน (National Digital ID) ซึ่งจะเอื้อประโยชน์แก่ทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้บริโภค สำหรับงาน Bangkok FinTech Fair 2019 นี้ กรุงศรีจะนำเสนอนวัตกรรมและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี รวมถึงโครงการต่างๆ  ที่เราได้พัฒนาขึ้นเพื่อตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการให้เข้าถึงลูกค้าในทุกกลุ่ม”

รายละเอียดนวัตกรรมที่บูธกรุงศรี ในงาน Bangkok FinTech Fair 2019 ประกอบด้วย

e-KYC: กรุงศรีนำเทคโนโลยีเปรียบเทียบใบหน้า หรือ Facial Recognition e-KYC มาใช้ในการให้บริการเปิดบัญชีเงินฝากที่สาขาของธนาคารกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ลดความเสี่ยงการปลอมแปลง หรือความผิดพลาดในการพิสูจน์ตัวตนลูกค้า ป้องกันมิจฉาชีพสวมรอยเปิดบัญชีและทำธุรกรรม ขณะที่ลูกค้าจะได้รับความสะดวกและรวดเร็วในการเปิดบัญชี โดยภายในงาน ผู้สนใจสามารถทดสอบการยืนยันตัวตนโดยเปรียบเทียบใบหน้า หรือเปิดบัญชีออมทรัพย์ด้วยเทคโนโลยีเปรียบเทียบใบหน้าได้

e-Savings: ธนาคารได้พัฒนาและต่อยอดนวัตกรรม e-KYC โดยให้ลูกค้าเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีผ่านช่องทางออนไลน์ (e-Saving) ซึ่งภายในงานจะแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีและกระบวนการเปิดบัญชีผ่าน KMA โมบายแอปพลิเคชันได้ เพียงถ่ายภาพบัตรประจำตัวประชาชนหรือพาสปอร์ตถ่ายเซลฟี่ ได้โดยไม่ต้องไปทำการยืนยันตัวตน หรือ เซ็นชื่อที่สาขา ทำให้การเปิดบัญชีเป็นเรื่องง่าย สะดวกมากขึ้น

Thai QR Cross-border: กรุงศรีขับเคลื่อนความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มการชำระเงินด้วย QR Code โดยใช้ประโยชน์จากการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของ MUFG นำ Thai QR Code ไปใช้ครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น โดยร้านทาเคยะ (Takeya) หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ ตึกม่วง ย่านอุเอโนะ (Ueno) จะเป็นแหล่งช้อปปิ้งแรกที่คนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวในญี่ปุ่นจะได้รับความสะดวกมากขึ้นในการช้อปปิ้งด้วยการชำระค่าสินค้าง่ายๆ เพียงสแกน QR code ผ่าน KMA หรือโมบายแอปพลิเคชันของธนาคารที่ร่วมโครงการ QR Cross-border* เพิ่มความสะดวกและปลอดภัยมากขึ้นโดยไม่ต้องพกพาเงินสดจำนวนมาก อีกทั้งถูกกว่าด้วยอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate) ที่ดีกว่าการแลกเงินสดและการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต พร้อมทราบยอดที่ต้องชำระในสกุลเงินบาททันที ณ จุดชำระเงินอีกด้วย โดยภายในงานจะมีผลิตภัณฑ์ KitKat Banana Japan Limited Edition (จำนวนจำกัด) มาให้ผู้เข้าร่วมงานได้ทดลองช้อปและจ่ายผ่าน Thai QR Cross-border ในราคา 10 เยน/แพค

* ธนาคารที่ร่วมโครงการมีจำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา

Tablet Application: กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ เปิดตัว “Tablet Application” สร้างมิติใหม่…อยู่ที่ไหนก็สมัครบัตรได้ ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด “Tablet Application” ยกระดับระบบการสมัครบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ให้บริการลูกค้าสะดวกมากขึ้น ณ จุดบริการเคลื่อนที่ทั่วประเทศ  รู้ผลอนุมัติรวดเร็วใน 30 นาที พร้อมใช้บริการผลิตภัณฑ์ทั้งบัตรสินเชื่อและบัตรเครดิตได้ทันที โดยใช้ระบบ ID Card Reader ช่วยป้อนข้อมูลลูกค้า พร้อมระบบความปลอดภัย OTP เพื่อยืนยันความยินยอมให้ตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร โดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด คาดว่าบริการแท็บเล็ตแอปพลิเคชันใหม่นี้ จะช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น และเพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บูธกรุงศรี หรือ www.firstchoice.co.th โทร 0-2345-6789

Supply Chain on Blockchain & AI: เทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Blockchain และ AI ได้ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการกับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ครอบคลุมทั้งผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ และเครือข่ายร้านค้ารายย่อยที่อยู่ในระบบซัพพลายเชน ทำให้ระบบการซื้อ-ขายระหว่างเครือข่าย สะดวก โปร่งใส และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ผนวกกับการนำ AI Deep Learning มาใช้ในการแสดงผลข้อมูลผลิตภัณฑ์ โดยภายในงานจะเป็นการโชว์เคสนวัตกรรม Supply Chain on Blockchain & AI ที่กรุงศรีได้พัฒนา ประยุกต์ใช้จริงกับกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง ตั้งแต่ผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่จนถึงเครือข่ายร้านค้ารายย่อย ช่วยยกระดับ Ecosystem ห่วงโซ่ธุรกิจอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างพร้อมให้บริการแล้ววันนี้กับทุกภาคธุรกิจ


RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img