ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ได้สั่งการให้ พันตำรวจเอก แมน เม่นแย้ม ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.4 บก.ป.) และ พันตำรวจโท ประเสริฐ หวังบุญสร้าง สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม (สว.กก.4 บก.ป.)
ได้ร่วมจับกุม นายปรีชา ทองพานิช อายุ 46 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ ตามหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ จ.50/2562 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 คดีอาญาที่ 41/2562 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ ริมถนนภายในซอยกำนันแม้น 13 แขวงและเขตบางบอน กทม.
พ.ต.อ.แมนฯ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อช่วงประมาณปี 2558 นายปรีชาฯ ได้พบรักกับอดีตภรรยาคนหนึ่งซึ่งมีลูกติดสามีเก่าเป็นลูกสาว 1 คน คือ น.ส.เอฯ (นามสมมุติ) ขณะนั้นอายุประมาณ 14 ปี และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันที่บ้านพักในพื้นที่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ จนกระทั่งต่อมาเมื่อวันที่ 1 ม.ค.62 ที่ผ่านมา นายปรีชาฯ เห็นว่า น.ส.เอฯ ลูกเลี้ยง เริ่มโตเป็นสาว ประกอบกับตนเองมีอารมณ์ทางเพศจึงอาศัยจังหวะที่ภรรยาออกไปทำงาน และอยู่กับลูกเลี้ยงเพียงลำพังบุกเข้าไปในห้องนอนของลูกเลี้ยง พยายามกระทำอนาจาร และพยายามข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้นิ้วมือ แต่ผู้เสียหายพยายามดิ้นขัดขืนจนสามารถหนีออกมาจากห้องได้
ก่อนจะนำเรื่องดังกล่าวไปบอกให้กับแม่ซึ่งเป็นภรรยาของนายปรีชาฯ ฟังพร้อมกับแจ้งความดำเนินคดีกับนายปรีชาฯ ที่ สภ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เมื่อนายปรีชาฯ รู้ว่ามีการแจ้งความเอาผิดกับตนเองจึงได้หลบหนีออกนอกพื้นที่เพื่อหลีกหนีความผิด กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่าภายหลังก่อเหตุได้หลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ กทม. จึงนำกำลังเข้าทำการจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน นายปรีชาฯ ให้การรับสารภาพ โดยยอมรับว่าได้เคยพยายามข่มขืนผู้เสียหายมาก่อนหน้านี้แล้ว 1 ครั้ง แต่มีคนมาพบเจอก่อน จึงไม่ได้ลงมือก่อเหตุ กระทั่งครั้งล่าสุดเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาสบโอกาสอีกครั้งจึงได้ลงมือก่อเหตุ ทั้งนี้ภายหลังเกิดเรื่องตนก็ได้หลบหนีมาอยู่ที่กรุงเทพ และใช้ชีวิตอยู่กินกับภรรยาคนใหม่ กระทั่งมาถูกจับกุมตัวดังกล่าว เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวตามหมายจับก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตาตลี ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง