ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด พร้อมด้วยกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์หรือเพนกวิน พร้อมด้วยสหภาพนักเรียน นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และนายวรัญชัย โชคชนะ ประธานกลุ่มพลังประชาธิปไตย จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในชื่อ “ร่วมไว้อาลัย ยุติธรรมไทยไม่คุ้มครองผู้เห็นต่าง” เพื่อไว้อาลัยแก่กระบวนการยุติธรรม หลังเกิดเหตุนักกิจกรรมการเมืองถูกทำร้ายร่างกายอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่นายเอกชัย หงส์กังวาน,นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือฟอร์ด เส้นทางสีแดง ล่าสุด นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว ที่ถูกกลุ่มคนร้ายรุมทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา
โดยผู้ชุมนุมกว่า 30 คน ร่วมกันสวมชุดดำชู 3 นิ้ว เพื่อแสดงสัญลักษณ์ และนำพวงหรีดข้อความ “ไว้อาลัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” และดอกไม้จันทน์ เพื่อมาวางหน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมีการชูป้ายเขียนข้อความระบุ “หยุดคุกคามประชาชน,หยุดทำร้ายคนเห็นต่าง” ก่อนตัวแทนกลุ่มนำหนังสือมามอบให้ พ.ต.อ.อัศวยุทธ นุชพุ่ม รอง ผบก.น.6 มาเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือข้อเรียกร้องให้นำตัวผู้ก่อเหตุมารับโทษอย่างเร็วที่สุด
น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า จากเหตุการณ์ลอบประทุษร้าย 3 นักกิจกรรมการเมือง ได้แก่ นายเอกชัย,ฟอร์ด และจ่านิว รวมแล้วกว่า 13 ครั้ง นับแต่เดือนมกราคม ปี 2561 ถึงเดือนมิถุนายนมี่ผ่านมา มีเพียง 2 ครั้งเท่านั้นที่จับกุมผู้ก่อเหตุได้ ขณะที่อีก 11 ครั้ง ไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิด หรือไม่สามารถสาวไปถึงผู้จ้างวานได้ เพราะมีการวางแผนเป็นกระบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ,ปกปิดอำพรางตัว และใช้ยานพาหนะหลบหนี ยังไม่นับรวมถึงผู้ลี้ภัยทางการเมือง 8 คน ที่สูญหายหนึ่งในนั้นคือนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือสุรชัย แซ่ด่าน และผู้อื่นที่ถูกฆาตกรรมอย่างปริศนา โดยไม่สามารถจับกุมตัว ทั้งยังมีการข่มขู่ประทุษร้ายนายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน โดยโทรศัพท์เข้ามือถือ เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวทั้งที่อยู่อาศัยและคนในบ้าน
น.ส.ชลธิชา กล่าวต่อ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงถึงความล้มเหลว ของ คสช. ที่ปล่อยปละละเลยให้มีการทำร้ายประชาชนที่อยู่ขั้วการเมืองตรงข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า สะท้อนถึงความล้มเหลวของ ตำรวจและกระบวนการยุติธรรมไทยที่ไร้ประสิทธิภาพในการคุ้มครองชีวิตประชาชน และทำให้ผู้ก่อเหตุ ไม่เกรงกลัวต่อกฏหมาย จึงขอเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เร่งรัดสืบหาผู้กระทำผิดในคดีลอบทำร้ายร่างกายนักกิจกรรม โดยเฉพาะคดีของจ่านิว มาดำเนินคดีทางกฎหมายภายใน 7 วัน เพราะเหตุแรกเพิ่งเกิดเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ก่อนในวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมาจะถูกทำร้ายซ้ำ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับความปลอดภัยและความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประชาชนทุกฝ่ายอย่างเสมอภาค
นายวรัญชัย กล่าว่า เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นหลายครั้งกับบุคคลซึ่งไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้แม้แต่ครั้งเดียว กระทบต่อการเมืองในระบอบประชาธิปไตย กระทบต่อความรู้สึกของคนไทยทั้งชาติ และความรู้สึกของชาวโลกนานาอารยประเทศ ประเทศไทยล้าหลัง ประชาชนมีความคิดเห็นต่างทางการเมือง ถูกริดรอนเสรีภาพ ขาดความปลอดภัย ทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน เหตุการณ์เช่นนี้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะปล่อยไว้ไม่ได้เหมือนครั้งที่ผ่านมาจนคนร้ายย่ามใจ ไม่เกรงกลัวกฎหมายและอาจนำไปสู่การเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวก็ได้ จากที่รัฐบาลใหม่เข้ารับตำแหน่งโดยสมบูรณ์แล้วในกลางเดือนนี้ ค.ส.ช.และมาตรา 44 ก็จะหมดไป ประชาชนคนไทยผู้รักประชาธิปไตยคน และจะไม่ยอมให้เผด็จการกดขี่ข่มเหง กดหัวอยู่อีกต่อไป