ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อเรียกร้องขอให้ย้าย พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการจังหวัดกาญจนบุรี มาช่วยราชการ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นการชั่วคราว เนื่องจากประพฤติตนไม่เหมาะสม เกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้าน จ.กาญจนบุรี โดยมี พ.ต.อ.วรพงศ์ เริงธรรม รอง ผบก.กองอุธรณ์ นายตำรวจเวร ศปก.ตร.เป็นผู้รับเรื่องแทนรับเรื่อง
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวว่า พล.ต.ต.สุทธิ มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เนื่องจากเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีหวย 30 ล้านบาท จนทำให้เกิดข้อครหามากมาย และทำให้ประชาชนเกิดความไม่เชื่อถือในการอำนวยความยุติธรรมของตำรวจ ทำให้พนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนมีความอืดอัดใจ จึงอยากให้ผู้บังคับการจังหวัดกาญจนบุรี เข้ามาช่วยราชการเป็นเวลา 15 วัน เพื่อจะได้คลี่คลายคดีนี้ได้สำเร็จหรือเร็ว โดยก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.สุทธิ เคยเรียก ร.ต.ท.จรูญ วิมล อดีตตำรวจเข้ามาพบที่บ้าน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและเป็นข้อครหาตามมามากมาย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการใช้อำนาจรัฐ โดยพบว่า ระหว่างวันที่ 2-28 พฤศจิกายน 2560 มีการอายัดเงินของ ร.ต.ท.จรูญ ทั้งที่จริงแล้ว พล.ต.ต.สุทธิ ไม่มีอำนาจตามป.วิอาญา ทำให้สังคมมองว่าไม่เป็นธรรมกับ ร.ต.ท.จรูญ
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า สำหรับหลักฐานที่นำมายื่นให้กับ ผบ.ตร.นั้น ตนเชื่อว่าตำรวจมีหลักฐานในส่วนนี้อยู่แล้ว และเชื่อว่าหากมีการย้าย พล.ต.ต.สุทธิ เข้ามาช่วยราชการไม่เกิน 1 สัปดาห์ก็จะสามารถคลี่คลายคดีได้ เนื่องจากขณะนี้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) และกองบัญชาการตำรวจภูธภาค
7 (บช.ภ.7)ได้พบพยานหลักฐานใหม่ และในวันพรุ่งนี้ตนจะเดินทางไปที่ บช.ภ. 7 เวลา 14.30 น. เพื่อมอบเอกสารสำคัญให้อีก 1 ชุด เป็นคลิปเสียงและคลิปวีดิโอ เส้นทางการเดินทางมาเจอกันของครูปรีชา รวมทั้งพยานต่างๆ ในการส่งมอบล็อตเตอรี่ ระหว่างครูปรีกับแม่ค้าด้วย โดยส่วนตัวไม่เคยคุยกับทีมทนายความของทั้ง 2 ฝ่าย และไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย เพียงแต่ต้องการทำความจริงให้ปรากฏว่าครูปรีชาไม่ใช่เจ้าของล็อตเตอรี่ที่แท้จริง
“ตั้งแต่ปรากฏความวุ่นวายเรื่องหาย30 ล้าน ระหว่างครูปรีชา กับ ร.ต.ท.จรูญ คณะทำงานของชมรมฯ ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดและมีการลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง โดยพบว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ มีสมาชิก 6 คน และแบ่งหน้าที่กันทำ ในจำนวนดังกล่าวรวมถึงครูปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนแห่งหนึ่งด้วย และเจ้าหน้าที่รัฐจำนวน 2 คน แต่ไม่ขอเปิดเผย โดยมีเป้าหมายคือต้องการเงิน30ล้านบาท เนื่องจากคดีดังกล่าวสามารถอายัดเงินได้เบื้องต้น 25 ล้าน” นายอัจฉริยะ กล่าว