นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” หัวข้อ “ทหารกับนักการเมือง” ระบุว่า ตราบใดที่นักการเมืองยังทะเลาะกัน ก็หนีทหารไม่พ้น
นี่แค่ปล่อยให้หาเสียงก็เริ่มตีกันเสียแล้ว เข้าสภาไป เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก เมื่อโจทย์ไม่ได้แก้ คำตอบก็ยังเหมือนเดิม รัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะเราไม่รู้จักจำ
สังคมแบบไทยๆ ทหาร คือ ดุลอำนาจของนักการเมือง หากนักการเมืองใช้อำนาจเกินเมื่อไหร่ เท่ากับเปิดประตูค่ายให้ทหารออกมา
อย่ายั่ว อย่าหาเรื่อง อย่าทะเลาะ อย่านิรโทษกรรมสุดซอย อย่าประท้วงข้างถนน อย่าปิดสถานที่ราชการ อย่ากวักมือเรียกทหาร
หาก 5 ปีที่แล้ว นักการเมืองพรรคเพื่อไทยไม่ใช้อำนาจในสภามากจนเกินที่สังคมจะรับได้ และพรรคประชาธิปัตย์ไม่เลือกใช้หนทางนอกสภาแก้ปัญหาผ่านร่างทรงสุเทพ อีกทั้งพรรคขนาดกลางไม่นิ่งเฉยรอเข้าข้างคนชนะ ไฉนเลยทหารจะออกมาได้?
คนไทยต้องไม่ลืม ว่าใครทำอะไรไว้ อย่าถามว่าจะมีรัฐประหารอีกไหม? แต่จงถามว่าจะทำเหมือนที่ผ่านมาอีกหรือเปล่า?
เมื่อไหร่ที่นักการเมืองทำเพื่อประชาชน ทหารทำเพื่อปกป้องประเทศชาติ ก็ทางใครทางมัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ ต่างคนต่างเดิน
ส่วนคนที่ว่าผมเข้าข้างทหาร คงเข้าใจผิด ผมชื่อชูวิทย์ ไม่ได้ชื่อสุเทพ วันที่ผมติดคุก 3 รอบ ถูกขังเดี่ยว 3 วัน ที่กรมสารวัตรทหาร ถูกอายัดทรัพย์ ลูกชายจับใบแดงไปเป็นทหารเกณฑ์ และอีกหลายอย่าง หากผมมี พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ หนุนอยู่ข้างหลังจริง ทำไมถึงโดนได้ขนาดนี้?
ผมแบ่งแยกความเป็นเพื่อนกับหน้าที่ออก ทำอะไรผิด ก็รับผิดในสิ่งที่ทำ ไม่ต้องไปร้องขอให้เพื่อนลำบากใจ ที่บอกว่าผม กับ ผบ.ทบ. ท่านนี้ รู้จักสนิทสนม ผมก็เคยยืนยันว่ารู้จักกันจริง แต่ต่างคนต่างทำหน้าที่ ไม่มีขอกันเรื่องอื่น
ความเป็นเพื่อนมันห้ามกันไม่ได้ อย่างเดียวที่เคยขอ คือ ขอกินเหล้า และท่านก็ชงเหล้าให้ในฐานะเพื่อน ไม่ได้ชงให้ในฐานะ ผบ.ทบ.
“ทหารกับนักการเมือง”ตราบใดที่นักการเมืองยังทะเลาะกัน ก็หนีทหารไม่พ้นนี่แค่ปล่อยให้หาเสียงก็เริ่มตีกันเสียแล้ว…
โพสต์โดย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เมื่อ วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ 2019