“ยศชนัน” เปิดตัวปราศรัยครั้งแรกที่สุพรรณ สะท้อนปัญหาเกษตรครบวงจร ชูประกันกำไร 30% พร้อมดันราคาข้าว ชาวบ้านขออย่ายก ก.เกษตรให้พรรคอื่น “จุลพันธ์” อ้อนขอให้เลือกทั้งคนทั้งพรรค

74

สุพรรณบุรี, 21 ธันวาคม – นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ และนาย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ 2 แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย นำโดยพร้อมคณะผู้บริหารพรรค เดินทางไปรับฟังความเดือดร้อนของชาวสุพรรณบุรี โดยมุ่งเน้นประเด็นปัญหาด้านการเกษตร ราคาพืชผล การจัดการน้ำ และต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น โดยจุดแรก ที่หมู่ 1 ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง ร่วมเวทีรับฟังปัญหาราคาสินค้าเกษตร ซึ่งพรรคเพื่อไทยชูแนวทางการนำเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มาปรับใช้ในภาคการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่า ลดต้นทุน และยกระดับรายได้เกษตรกร โดยชาวบ้านได้สะท้อนปัญหาหลักคือ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ขณะที่ต้นทุนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยครั้งทำให้การแก้ไขปัญหาไม่ต่อเนื่อง

ตัวแทนชาวบ้านยังฝากข้อเรียกร้องสำคัญว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่ถูกยกให้กับพรรคร่วมรัฐบาลอื่น และต้องมีรัฐมนตรีที่มีความรู้ ความเข้าใจด้านการเกษตรอย่างแท้จริง เพราะที่แล้วมาเจ้ากระทรวงทำงานไม่เป็น พร้อมขอให้ช่วยดูแลราคาข้าวไม่ให้ต่ำกว่า 10,000–20,000 บาทต่อตัน เนื่องจากต้นทุนการผลิตอยู่ในระดับสูง นายจุลพันธ์จึงได้ถามกลับว่า “ไม่ให้ยกกระทรวงเกษตรฯ ให้ใครใช่หรือไม่” ซึ่งตัวแทนชาวบ้านย้ำเสียงหนักแน่นว่า “กระทรวงเกษตรฯ อย่ายกให้”

นายยศชนัน กล่าวว่าปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ภัยแล้ง การคมนาคม หรือราคาพืชผล ว่าที่ผู้สมัคร สส. ในพื้นที่ได้สรุปประเด็นมาให้รับทราบแล้ว เพื่อจัดทำนโยบายแก้ไขอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะเรื่องพันธุ์ข้าว ปุ๋ย และต้นทุนการผลิต จะนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วย พร้อมพัฒนาระบบเตือนภัยเพื่อลดความเสียหายจากภัยพิบัติ พรรคเพื่อไทยเตรียมนโยบาย ประกันกำไรสินค้าเกษตร 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้เกษตรกรสามารถยืนอยู่ได้ด้วยขาของตนเอง ขณะเดียวกัน การควบคุมราคาสินค้าเกษตรเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้เริ่มวางกลไกไว้แล้ว และพร้อมเดินหน้าทันทีเมื่อได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง

ขณะที่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า นโยบายด้านการเกษตรที่พรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง คือ นโยบายประกันกำไรสินค้าเกษตร 30 เปอร์เซ็นต์ ครอบคลุมสินค้าเกษตรทุกประเภท พร้อมมาตรการแจกคูปอง 2 ใบ ได้แก่ คูปองซื้อปุ๋ยคนละ 250 กิโลกรัม และคูปองเมล็ดพันธุ์ เพื่อให้เกษตรกรได้รับเมล็ดพันธุ์ที่แข็งแรงจากภาครัฐ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายพักหนี้เกษตรกรรายละไม่เกิน 500,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยไม่ต้องชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เพื่อเป็นความหวังในการฟื้นฟูชีวิตเกษตรกร ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยทอดทิ้งเกษตรกร เพราะเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคมาโดยตลอด

จากนั้นคณะเพื่อไทยได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่วัดโพธิ์ท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งถือเป็นเวทีปราศรัยครั้งแรกของนายยศชนันในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีประชาชนร่วมรับฟังนับพันคน ส่งเสียงต้อนรับอย่างต่อเนื่อง โดยนายยศชนันกล่าวว่า สุพรรณบุรีเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ เป็นจังหวัดเก่าแก่ที่สะท้อนภาพรวมของประเทศไทย หากสุพรรณบุรีเปลี่ยนได้ ประเทศไทยก็เปลี่ยนได้ พร้อมย้ำว่าวิสัยทัศน์ของตนเริ่มต้นจากเกษตรกร โดยยืนยันว่าเกษตรกรสามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง เพราะตน และนายจุลพันธ์จะ “บังหลัง” ไม่ให้เกิดการแทงข้างหลัง พร้อมทำงานหลังบ้าน พัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเครื่องจักรทางการเกษตรอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเพิ่มผลผลิตโดยไม่เพิ่มภาระให้เกษตรกร

นายยศชนันระบุว่าพรรคตั้งเป้าดันราคาข้าวทั่วไปไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อตัน และข้าวหอมมะลิไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อตัน แต่เมื่อคำนึงถึงต้นทุนที่สูงขึ้น จึงจำเป็นต้องมีนโยบายประกันกำไร 30 เปอร์เซ็นต์ ควบคู่กับการส่งเสริมการแปรรูปและวิสาหกิจชุมชน ตามหลักการคืนอำนาจให้ประชาชนและท้องถิ่น ทั้งนี้ไทยเคยผ่านวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 มาได้ด้วยการตัดสินใจทางนโยบายที่ถูกต้อง พร้อมย้ำว่าองค์ความรู้และประสบการณ์ของคนในพรรคเพื่อไทยยังคงอยู่ และพร้อมนำมารับมือกับความท้าทายในปี 2568 ทั้งปัญหาสภาพอากาศ เศรษฐกิจ และโครงสร้างสังคม เพื่อทำให้ประชาชน โดยเฉพาะชาวสุพรรณบุรี ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง

ด้าน นายจุลพันธ์ กล่าวเสริมว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้มาเพียงแค่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่เดินทางมาพร้อมนโยบายที่เป็นรูปธรรม ทั้งการพักหนี้เกษตรกร นโยบายคูปองปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเคยเริ่มดำเนินการในรัฐบาลก่อนหน้า พร้อมย้ำว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีไม่กี่ทางเลือก และขอให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนและพรรค เพื่อนำนโยบายกลับไปคืนชีวิตที่ดีให้ประชาชน