CIB ลากคอเจ้าของบัญชีม้า อำพรางเส้นเงินแก๊งไอซ์ ลำเลียงเหนือสู่ชายแดนใต้

59

ตำรวจสอบสวนกลางรวบหญิงวัย 38 ปี เจ้าของบัญชีม้า เครือข่ายขบวนการลำเลียงยาไอซ์กว่า 50 กิโลกรัม จากภาคเหนือสู่ภาคใต้ พบใช้แอปฯ สื่อสารจัดการเป็นระบบ แบ่งหน้าที่ชัด อำพรางเส้นเงินค่าจ้าง

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. สั่งการให้ชุดสืบสวน กก.5 บก.ป. ขยายผลคดีเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ก่อนเข้าจับกุม น.ส.วรรพรฯ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนราธิวาส ที่ 235/2567 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2567 ในความผิดฐานสนับสนุนและช่วยเหลือการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในลักษณะองค์กรอาชญากรรม

การจับกุมเกิดขึ้นบริเวณหน้าบ้านพัก ในพื้นที่ ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี หลังตำรวจสืบทราบแหล่งกบดานและวางแผนเข้าควบคุมตัว ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคม 2566 เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาในเครือข่าย พร้อมของกลางยาบ้า 27,955 เม็ด และขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม ได้ยาไอซ์อีก 10 กิโลกรัม ที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.ยี่งอ ก่อนพบข้อมูลเชิงลึกว่ามีการลักลอบลำเลียง ยาไอซ์รวมกว่า 50 กิโลกรัม จากภาคเหนือ ส่งต่อสู่ภาคใต้และกระจายไปแล้วบางส่วน

จากการสืบสวนพบรูปแบบการทำงานเป็นขบวนการ ใช้รถยนต์เก๋งลำเลียง ติดต่อประสานงานผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์ แบ่งหน้าที่ตั้งแต่ผู้สั่งการ ผู้จัดหายา ผู้ลำเลียง รถนำทาง ไปจนถึงผู้สนับสนุนด้านการเงิน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ โดยใช้ บัญชีธนาคารบุคคลอื่น หรือ “บัญชีม้า” รับ–โอนเงินค่าจ้างและค่าใช้จ่าย

พยานหลักฐานชี้ว่า น.ส.วรรพรฯ เป็นเจ้าของบัญชีที่ถูกนำไปใช้รับ–โอนเงินค่าจ้างลำเลียงยาเสพติด โดยผู้ต้องหาอีกรายเป็นผู้ใช้งานบัญชีดังกล่าว อันเป็นการเอื้อประโยชน์และสนับสนุนการกระทำความผิดอย่างชัดเจน

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าเคยถูกชักชวนให้เปิดบัญชีธนาคารแลกค่าตอบแทน อ้างเพื่อนำไปใช้เล่นพนันออนไลน์ และได้มอบสมุดบัญชี บัตรเอทีเอ็ม รวมถึงรหัสให้บุคคลอื่น

ตำรวจสอบสวนกลางขอเตือนประชาชนว่า การเปิดบัญชีและยินยอมให้ผู้อื่นนำไปใช้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด อาจมีความผิดร้ายแรง โทษจำคุกสูง และมักถูกนำไปใช้ในอาชญากรรมร้ายแรง ทั้งยาเสพติดและการฟอกเงิน ขออย่าหลงเชื่อคำชักชวนแลกเงินง่าย ๆ และร่วมแจ้งเบาะแสเพื่อป้องกันอาชญากรรมในสังคม