หน้าแรกบทความศึก ”ไทย-กัมพูชา” ให้จบยุคนี้ ทหารต้องสั่งลุยจนกว่าจำนน จับตาอาจดันรัฐบาลแห่งชาติจัดการ               ...

ศึก ”ไทย-กัมพูชา” ให้จบยุคนี้ ทหารต้องสั่งลุยจนกว่าจำนน จับตาอาจดันรัฐบาลแห่งชาติจัดการ                   

หากมีการทำโพลถามความเห็นของประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในวงจรของอำนาจทั้งไทยและกัมพูชา ว่าต้องการให้เกิดสงครามหรือไม่ ขอฟันธงว่าไม่มีใครเห็นด้วย100 เปอร์เซ็นต์เต็ม เพราะสงครามนำพามาซึ่งความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสในทุกด้าน 

แต่เมื่อผู้มีอำนาจยังอยากอยู่บนอำนาจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องแบบยืนยาว จะใช้กลยุทธ์ทุกทางเพื่อรักษาอำนาจไว้ เมื่อกลยุทธ์ที่ใช้เคยใช้บริหารประเทศเริ่มเสื่อมถอย จะใช้กระแสชาตินิยมปลุกให้คนในชาติเกิดอาการคลั่งชาติ 

การจุดไฟสงครามคือเครื่องมืออันทรงอนุภาพ ที่ สมเด็จ ฮุน เซน ผู้นำทางจิตวิญญาณของเขมรนำมาใช้ด้วยการเปิดฉากรุกรานประเทศไทย เริ่มด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง นำความสัมพันธ์ที่แนบชิดทางส่วนตัวออกมาเป็นกลยุทธ์เดินเกมแบบประสานนอกใน จนสงครามปะทุ                

ส่งผลให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กระเด็นตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี               

ประเทศไทยได้นายกรัฐมนตรี ชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล ตามที่สมเด็จ ฮุน เซ็น บอกไว้ล่วงหน้าก่อนที่น.ส.แพทองธาร จะตกเก้าอี้ถึง 3 เดือน               

สงครามไทยกับกัมพูชายุติ สู่โหมดเจรจาสันติภาพที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ หลังแผนสันติภาพลงนามกันไม่นาน บางเงื่อนไขถูกขับเคลื่อน บางเงื่อนไขถูกละเลยโดยเฉพาะความร่วมมือปราบสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์รัฐบาลกัมพูชา สวมบทเจ้าเล่ห์เลี่ยงไปเลี่ยงมา เป็นจังหวะเดียวกับที่ปล่อยภาพถ่ายหมู่ของบุคคลสำคัญของไทยอาทิ นายอนุทิน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ และพล.ต.อ.วิสนุ ประสารทองโอสถ เป็นต้น โดยมีนายเบน สมิธ ถูกกล่าวหาว่าพัวพันแก๊งสแกมเมอร์ ร่วมเฟรมด้วย   

ภาพถูกปล่อยออกมาหลังจากที่นายอนุทิน นำทีมแถลงข่าวยึดทรัพย์แก๊งสแกมเมอร์กว่ามื่นล้านบาท ของนายยิม เลียก ชาวกัมพูชา นายเบน สมิธ สัญชาติกัมพูชา นายก๊ก อาน และนายเฉินจื้อ ชาวจีน           

ถัดมาเพียงไม่กี่วันเกิดเหตุทหารกัมพูชายิงถล่มฐานทหารไทย ส่งผลให้ทหารไทยบาดเจ็บและเสียชีวิต ทหารไทยจึงยิงตอบโต้ หลังจากนั้นมีการเปิดแนวรบในจังหวัดอีสานใต้หลายจุด            

กระทั่งนายอนุทิน เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ แล้วมีมติให้ตอบโต้อย่างเต็มที่จนกว่ากัมพูชาอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถตอบโต้ได้อีกนาน พร้อมสั่งอพยพชาวบ้านตามแนวชายแดนภาคอีสานตอนใต้และชายแดนฝั่งตะวันออกกว่า 5แสนคน ไปพักในศูนย์พักพิงที่รัฐบาลจัดไว้             

นับแต่นั้นมาสถานการณ์สู้รบเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เปิดรบตามแนวชายกว่า 12 แห่ง ทหารไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายนาย บ้านเรือนประชาชนถูกทหารกัมพูชายิงถล่มเสียหายหลายหลังคาเรือน             

ท่ามกลางสถานการณ์สู้รบ เกิดประเด็นดราม่าอย่างหลากหลายถล่มใส่รัฐบาลนายอนุทิน อาทิ การวิพากษ์วิจารณ์ว่าผู้นำเขมรซูเอี๋ยกับผู้นำไทย เพื่อกลบข่าวปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาลเขมร สร้างสถานการณ์ยิงไทยก่อนแล้วไทยยิงตอบโต้พอหอมปากหอมคอ         

แต่บังเอิญว่ากระแสชาติถูกปลุกขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและลามไปทั้งประเทศไทย เพราะคนไทยต่างระอากับพฤติกรรมของสมเด็จ ฮุน เซ็น และนายฮุน มา เน็ต นายกรัฐมนตรี ที่มากด้วยเล่ห์เหลี่ยม เมื่อเกิดเหตุคนไทยต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องยึดตามที่กองทัพบกยืนยันว่าจะต้องจัดการกับเขมรให้อยู่ในสภาพที่ไม่อาจจะต่อกรกับไทยได้อีกนาน           

มาพร้อมกับท่าทีแกนนำพรรคภูมิใจไทยหลายคนโพสต์ในสื่อโซเซียลว่าขอให้จบในรุ่นเรา จัดการให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด  รวมถึงท่าทีอันแข็งกร้าวของนายอนุทินว่าจะไม่เจรจาจนกว่ากองทัพเขมรหมดสภาพการสู้รบ         

ขณะที่นักวิชาการบางคนออกมาวิจารณ์ในเชิงติติงแกนนำพรรคภูมิใจไทยและนายอนุทิน ว่าหากยุบสภาฯเลือกตั้งใหม่ อย่าใช้กระแสชาตินิยมมาเป็นเครื่องมือในการเรียกคะแนนเสียง เพราะผลเสียจะตกกับประเทศชาติในทุกด้าน และจะสร้างความเกลียดชังแบบฝังรากลึกในหมู่ประชาชนทั้งสองชาติ ซึ่งเป็นความเกลียดชังที่ไม่ควรเกิดกับประเทศที่มีชายแดนติดกัน       

ประเด็นดราม่ายังมีอีกหลายหลากประเด็นที่เป็นเชิงลบต่อรัฐบาล อาทิประเด็นนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่ภูมิใจไทย เปิดสนามช้างอารีน่า เป็นศูนย์พักพิงผู้อพยพหนีภัยสงคราม ถูกฝ่ายตรงข้ามนำเหน็บแนมในทำนองว่ารู้ก่อนแล้วว่าจะเกิดเหตุปะทะ พร้อมหยิบวลีเด็ดของนายอนุทินที่ว่าสั่งงานวันนี้ต้องเสร็จเมื่อวาน มาเปรียบเปรยอีกต่างหาก     

เมื่อมองถึงประเด็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและนายอนุทินแล้วล้วนแต่เป็นสารตั้งต้นเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการปัญหาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยเฉพาะชาวบ้านตามแนวชายแดนที่โพสต์ในสื่อโซเซียลหรือสะท้อนผ่านนายเนวินว่าไหนๆก็ไหนๆแล้วขอให้กองทัพและรัฐบาลเอาให้จบในคราวนี้เถอะ ชาวบ้านพร้อมเปิดทางให้ปฏิบัติการได้อย่างเต็มที่ ต่อไปจะได้อยู่แบบไม่หวาดระแวง     

แต่ข้อเรียกร้องที่ให้รัฐบาลนายอนุทินเร่งจัดการต้องสะดุดลง เมื่อเกมแก้รัฐธรรมนูญที่พรรคประชาชนยื่นเป็นเงื่อนไขอุ้มนายอนุทินขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องเจออุปสรรคเพราะส.ว.แสดงท่าทีชัดเจนว่าต้องเบรกเกมนี้นายอนุทินจึงหักดิบพรรคประชาชนที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยการประกาศยุบสภาฯ 

แต่การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ยังดำเนินการต่ออย่างเข้มข้นเพราะอำนาจทุกอย่างรัฐบาลนายอนุทินได้มอบหมายให้กองทัพดำเนินการอย่างเบ็ดเสร็จแล้ว และอำนาจรัฐบาลรักษาการมีหลายประการที่ไม่สามารถตัดสินใจหรือชี้ขาดได้ เพราะมีรัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนดไว้        

ดังนั้น ถ้ามองสถานการณ์การสู้รบดูแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อ บวกกับประกาศิตของกองทัพต้องจัดการกับกัมพูชาให้สิ้นสภาพทางทหาร บวกกับเสียงประชาชนว่าต้องจัดการให้เด็ดขาดอย่างให้มีรอบที่สามหรือรอบที่สี่อีก เสมือนกระแสชาตินิยมจุดติดแล้ว       

เมื่อมองจากปัจจัยดังกล่าวแล้วเท่ากับว่าประเทศต้องการรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม แต่ ณ เวลานี้เป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ ทำให้มองได้ว่าประเทศไทยกำลังถึงทางตัน          

จังหวะนี้ต้องจับตาเป็นพิเศษอาจจะมีหลายฝ่ายเรียกร้องให้ผ่าทางตันด้วยการผลักดันให้มี”รัฐบาลแห่งชาติ” ตามที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้ก็เป็นได้  !!!

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img