หน้าแรกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ"กัณวีร์" เสนอที่ประชุมรัฐสภาอาเซียน-APHR ที่ฟิลิปปินส์ ต้องไม่นิ่งเฉยกับการเลือกตั้งลวงในเมียนมา ห่วงกระทบการสู้รบจะบานปลายไปในภูมิภาค

“กัณวีร์” เสนอที่ประชุมรัฐสภาอาเซียน-APHR ที่ฟิลิปปินส์ ต้องไม่นิ่งเฉยกับการเลือกตั้งลวงในเมียนมา ห่วงกระทบการสู้รบจะบานปลายไปในภูมิภาค

วันที่ 7 ธ.ค. 68 นายกัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร เปิดเผยว่า ตนได้เข้าร่วมประชุมสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน APHR ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 5-7 ธ.ค.โดยได้รับหน้าที่สรุปความท้าทายที่อาเซียนกำลังเผชิญจากการเลือกตั้งลวง (Shame Election) ของเมียนมาในเดือนธันวาคม 2025 และวาดภาพให้เห็นถึงผลกระทบสำคัญต่อเมียนมาและภูมิภาค และสิ่งที่อาเซียนควรทำเพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

“ไม่ง่ายเลยที่ต้องพูดเรื่องนี้ในช่วงนี้ ผมบอกที่เสวนาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเมียนมาไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่หลายคนคิด การเลือกตั้งของพม่าที่จะมาถึงปลายปี 2025 อาจเป็นอีกจุดเปลี่ยนที่สำคัญในเมียนมาและของพวกเราที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน”

นายกัณวีร์ เปิดเผยว่า ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา การต่อสู้ระหว่างกองทัพพม่ากับกองกำลังต่างกลุ่มต่อต้านทหารพม่ายังคงมีความรุนแรงต่อเนื่อง ผู้คนจำนวนมากต้องทิ้งบ้าน ทิ้งชีวิตเดิมๆ เพื่อหนีความไม่ปลอดภัย ขณะที่กองทัพพม่ายังคงผลักดันให้เกิด “การเลือกตั้งลวง” หรือ “Shame Election”ทั้งที่บรรยากาศในประเทศยังห่างไกลจากคำว่า “ปกติ”

“ผลกระทบไม่ได้หยุดอยู่ในเมียนมาเท่านั้น ประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย อินเดีย และบังกลาเทศก็เริ่มเจอแรงสะเทือน ทั้งเสียงปืนที่ลุกลามถึงชายแดน ลูกหลงเข้ามาทำให้ชาวบ้านบริเวณชายแดนได้รับบาดเจ็บ การปิดด่านชั่วคราว และผู้คนที่ต้องข้ามแดนมาขอความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างมากมาย”

นายกัณวีร์ ระบุว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้อาเซียนต้องตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าควรทำอย่างไร เมื่อสถานการณ์ไม่ใช่แค่ “เรื่องภายใน” ของประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป

“ในมุมหนึ่ง ถ้าอาเซียนนิ่งเฉย ปัญหาคงไม่หยุดอยู่กับที่ ความรุนแรงอาจหนักขึ้น ภาระมนุษยธรรมมากขึ้น เศรษฐกิจชายแดนก็อาจสั่นคลอน และภาพลักษณ์องค์กรอาจถูกตั้งคำถามไปเรื่อย ๆ”

นายกัณวีร์ กล่าวด้วยว่า ถ้าอาเซียนเลือกจะขยับ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม ก็อาจช่วยเปิดพื้นที่ให้การเจรจากลับมา ช่วยปกป้องผู้คนที่อยู่แนวหน้า และช่วยให้ประเทศในภูมิภาคไม่ต้องแบกรับผลกระทบมากไปกว่านี้ โดยหลายข้อเสนอเริ่มถูกพูดถึง ทั้งการวางเงื่อนไขทางการทูตที่ชัดเจนขึ้น การร่วมมือกับนานาชาติติดตามเส้นทางทุนของกองทัพ การสร้างความร่วมมือด้านความปลอดภัยชายแดน รวมถึงการเปิดช่องทางมนุษยธรรมให้เข้าถึงผู้เดือดร้อนอย่างแท้จริง

“แม้ทุกอย่างจะไม่ง่าย เพราะอาเซียนเองก็มีหลักการที่ต้องระวัง แต่ความท้าทายครั้งนี้อาจเป็นจุดที่ทำให้อาเซียนต้องทบทวนบทบาทของตัวเองใหม่เช่นกัน”

นายกัณวีร์ ระบุว่า ท้ายที่สุด การเลือกตั้งปลายปี 2025 อาจไม่ได้ทำให้วิกฤตเมียนมาจบลง แต่สิ่งที่เราทุกคนหวังได้ คือให้ภูมิภาคนี้เดินหน้าไปในทิศทางที่ปลอดภัย เป็นธรรม และมีอนาคตร่วมกันที่มั่นคงกว่าเดิม
บางครั้งเรื่องใหญ่ของใครสักประเทศ ก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ของพวกเราทั้งภูมิภาค และนี่คือเหตุผลที่เราควรเฝ้าดู และหวังให้อาเซียนเลือกเดินไปในทิศทางที่ช่วยให้ทุกฝ่ายมีอนาคตที่ดีขึ้นจริงๆ

“ผมยังหวังครับว่าสมาชิกในอาเซียนจะไม่นิ่งเงียบ แล้วปล่อยให้สถานการณ์ลุกลามอย่างเลวร้าย เพราะมันจะไม่ใช่แค่เมียนมาและคนในประเทศที่จะต้องเผชิญความหายนะในชีวิตและทรัพย์สิน แต่หลายๆ ประเทศในภูมิภาคต้องมาแบกรับภาระและผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ” นายกัณวีร์ กล่าวย้ำ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img