พัทลุงหนุนสละพันธุ์สุมาลี พืชเศรษฐกิจสำคัญปี 68 สร้างมูลค่ากว่า 203.52 ล้านบาท

679

สละพันธุ์สุมาลี ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพของ จ.พัทลุง เนื่องจากเจริญเติบโตได้ดีในสภาพภูมิอากาศและดินของภาคใต้ตอนล่าง ดูแลรักษาง่าย ให้ผลผลิตต่อเนื่อง และคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ เป็นที่นิยมในการบริโภคผลสด และแปรรูปเป็นสละลอยแก้ว ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตในท้องถิ่น

ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางจังหวัดได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริม และผลักดันการปลูกสละพันธุ์สุมาลีอย่างต่อเนื่อง โดยมีโครงการเกษตรเชิงท่องเที่ยว สนับสนุนการขายออนไลน์ ส่งเสริมการแปรรูป และจัดอบรมเกษตรกรปลูกแบบเกษตรอินทรีย์

นายไพฑูรย์ สีลาพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9 สงขลา (สศท.9) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า สศท.9 ติดตามสถานการณ์การผลิตสละพันธุ์สุมาลีของ จ.พัทลุง ปี 2568 (ข้อมูล ณ 4 พ.ย. 68) พบว่า มีพื้นที่ปลูกรวมทั้งจังหวัด 3,808 ไร่ เนื้อที่ให้ผลผลิต 3,153 ไร่ แหล่งผลิตสำคัญอยู่ในพื้นที่ อ.ป่าบอน เกษตรกรผู้ปลูก 1,112 ครัวเรือน เฉลี่ยปลูกครัวเรือนละ 2.84 ไร่ ได้รับมาตรฐาน GAP จำนวน 146 ราย ครอบคลุมพื้นที่ 525 ไร่ ผลผลิตรวมทั้งจังหวัดอยู่ที่ปีละ 5,088 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 1,614 กก./ไร่/ปี เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งสละพันธุ์สุมาลีโดยทั่วไปจะใช้เวลาปลูกประมาณ 3 ปี จึงจะเริ่มให้ผลผลิต และจะออกผลผลิตเต็มที่เมื่ออายุ 7-8 ปี และจะออกต่อเนื่องประมาณ 20 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการดูแลรักษา

สำหรับราคาที่เกษตรกรขายได้ ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ กก.ละ 40 บาท โดยจำหน่ายในรูปแบบผลสด 4,884.48 ตัน หรือร้อยละ 96 และแปรรูป 203.52 ตัน หรือร้อยละ 4 ซึ่งสามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายผลสดอยู่ที่ 183,055 บาท/ครัวเรือน/ปี โดยปี 2568 สละพันธุ์สุมาลีผลสดสามารถสร้างมูลค่าให้กับจังหวัดกว่า 203.52 ล้านบาท

ส่วนการจำหน่ายสละพันธุ์สุมาลีของจังหวัดแบ่งเป็น ผลผลิตร้อยละ 50 เกษตรกรจำหน่ายแผงลอย อ.ป่าบอน, ร้อยละ 21 ส่งขายไปยัง จ.ภูเก็ต สตูล และสงขลา , ร้อยละ 13 จำหน่ายผ่านพ่อค้าคนกลาง, ร้อยละ 10 ขายตรงจากสวนโดยมีพ่อค้ามารับซื้อหน้าสวน , ร้อยละ 4 จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ได้แก่ ThailandPostMart และร้อยละ 2 วางจำหน่ายที่สวนสละที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว

ด้านการแปรรูป เกษตรกรนิยมทำเป็น “สละลอยแก้ว” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของผู้บริโภค โดยผลผลิต จำนวน 1 กก. สามารถทำสละลอยแก้วได้ประมาณ 35 ถ้วย เกษตรกรและกลุ่มแปลงใหญ่ในพื้นที่ จำหน่าย ในราคาถ้วยละ 15 บาท หรือใน 1 กก. สร้างรายได้ถึง 525 บาท นอกจากนี้ ยังมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ไวน์สละ แบ่งเป็นขนาด 375 ml ราคาขวดละ 500 บาท และขนาด 750 ml ราคาขวดละ 1,000 บาท ซึ่งตัวอย่างของแปลงใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในการแปรรูปไวน์สละพันธุ์สุมาลี คือ กลุ่มแปลงใหญ่สละ ต.ทุ่งนารี ในชื่อแบรนด์ “ไวน์ป่าบอนซิกเนเจอร์” และแปลงใหญ่สละ ต.หนองธง ในชื่อแบรนด์ “ไวน์สวนสละลุงถัน”

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์แปรรูปไวน์สละนอกจากจะสร้างรายได้ให้จังหวัดแล้ว ยังสามารถเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่จะเป็น Soft Power ของประเทศ เพื่อผลักดันการส่งออกซึ่งจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนชาวสวนสละ ตลอดจนสร้างงานและรายได้ให้กับประเทศ

ทั้งนี้จากการส่งเสริมและผลักดันของภาครัฐ ร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้การปลูกสละพันธุ์สุมาลีขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ปัจจุบัน จ.พัทลุง มีกลุ่มแปลงใหญ่สละทั้งหมด 8 แปลง สมาชิก 374 คน พื้นที่ปลูกกว่า 3,140 ไร่ สะท้อนถึงความสำเร็จของการรวมกลุ่มเกษตรกรในการพัฒนาพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพ และเป็นอีกก้าวสำคัญ ในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของจังหวัดอย่างยั่งยืน โดยจังหวัดพัทลุงได้มุ่งส่งเสริมยกระดับคุณภาพสละพันธุ์สุมาลี พัฒนามาตรฐานสินค้า และขยายช่องทางการตลาดทั้งในรูปแบบผลสดและผลิตภัณฑ์แปรรูปเพื่อสร้างรายได้ เพิ่มมูลค่า และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้มั่นคงต่อไป