หน้าแรกกองทัพ-ความมั่นคงข้อสังเกตทางกฎหมายกรณีทหารไทยขาขาดรายที่ 7 จากทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวนในดินแดนไทย : ประเทศไทยสามารถใช้กำลังอาวุธตอบโต้ประเทศกัมพูชาได้หรือไม่ เพียงใด

ข้อสังเกตทางกฎหมายกรณีทหารไทยขาขาดรายที่ 7 จากทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวนในดินแดนไทย : ประเทศไทยสามารถใช้กำลังอาวุธตอบโต้ประเทศกัมพูชาได้หรือไม่ เพียงใด

บทความโดย พลเอก กฤษณะ บวรรัตนารักษ์ อดีตที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตรองเจ้ากรมพระธรรมนูญ เรื่องข้อสังเกตทางกฎหมายกรณีทหารไทยขาขาดรายที่ 7 จากทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวนในดินแดนไทย : ประเทศไทยสามารถใช้กำลังอาวุธตอบโต้ประเทศกัมพูชาได้หรือไม่ เพียงใด ว่า ตามที่ทหารไทยขาขาดรายที่ 7 จากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลขณะลาดตระเวนในดินแดนไทยเมื่อ วันที่ 10 พ.ย. 68 ประเทศไทยสามารถใช้กำลังอาวุธตอบโต้ประเทศกัมพูชาภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศได้หรือไม่ เพียงใดนั้น มีข้อสังเกตเฉพาะทางกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ การเกรงใจประเทศมหาอำนาจที่ต้องการเข้ามามีบทบาท การเกิดความตึงเครียดและวิกฤติตามแนวชายแดน และผลกระทบจากความเสียหายเนื่องจากการใช้กำลังอาวุธตอบโต้ ก่อนจะไปถึงข้อสังเกตว่าประเทศไทยสามารถใช้กำลังอาวุธตอบโต้ได้หรือไม่ เพียงใด ควรมีความเข้าใจเบื้องต้น 2 ประเด็นที่เกี่ยวข้องก่อน ดังนี้

1. ปฏิญญาหรือถ้อยแถลงร่วมที่นายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชาลงนามที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 68 ไม่มีผลผูกพันตามกฎหมายระว่างประเทศตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา เป็นเพียงการแสดงเจตนารม์ร่วมกันทางการเมืองระหว่างประเทศ ปฏิญญาหรือถ้อยแถลงร่วมดังกล่าวไม่ใช่ข้อตกลงหยุดยิงหรือข้อตกลงสันติภาพ จึงไม่มีผลผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ หากมีการละเมิดปฏิญญาหรือถ้อยแถลงร่วมดังกล่าว ก็เพียงกระทบต่อภาพลักษณ์หรือความเชื่อถือเชื่อมั่นในทางลบต่อประเทศที่ละเมิดในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ

2. การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยประเทศที่เป็นภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหรืออนุสัญญาออตตาวา ซึ่งทั้งประเทศไทยและประเทศกัมพูชาได้เป็นภาคี ถือว่าละเมิดต่ออนุสัญญาดังกล่าว ถือว่ากระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ไม่มีกลไกการบังคับใช้ที่มีบทลงโทษโดยตรงไม่ว่าทางเศรษฐกิจหรือการใช้กำลังโดยตรง ต้องอาศัยการกดดันทางการทูต ประณามจากนานาชาติ องค์การระหว่างประเทศ รวมถึงภาคประชาสังคมระหว่างประเทศ ส่งผลให้เสียชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของประเทศในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ รวมทั้งส่งผลลบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ รวมทั้งไม่ได้รับความช่วยเหลือจากนานาประเทศ องค์การระหว่างประเทศ และภาคประชาสังคมระหว่างประเทศ งดหรือตัดการสนับสนุนไม่ว่าเป็นเงินทุน อุปกรณ์ ผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจน Know how และเทคโนโลยี ในการเก็บกู้และทำลายทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยควรดำเนินการต่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ ให้สหประชาชาติและประธานรัฐภาคีอนุสัญญาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างจริงจังต่อไป

สำหรับข้อสังเกตว่าประเทศไทยสามารถใช้กำลังอาวุธตอบโต้ได้หรือไม่ เพียงใด สามารถสรุปได้ ดังนี้ หากสามารถพิสูจน์ได้เป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่โดยทหารกัมพูชา ไม่ใช่ที่ค้างหรือมีอยู่ตามแนวชายแดนก่อนการปะทะกันช่วงปลายเดือน ก.ค. 68 ก็ถือว่าเข้าข่ายการใช้อาวุธโจมตีประเทศไทยก่อน เป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ ข้อ 51 ส่งผลให้ประเทศไทยมีสิทธิใช้กำลังอาวุธป้องกันตัวเองทั้งส่วนบุคคลและส่วนรวม โดยประเทศไทยจะต้องรีบรายงานการถูกโจมตีด้วยอาวุธก่อนและการใช้สิทธิป้องกันตนเองให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทราบโดยทันที ซึ่งการใช้กำลังอาวุธเพื่อป้องกันตัวเองต้องอยู่ในขอบเขตของความจำเป็นและสัดส่วนที่เหมาะสม แต่การใช้สิทธิป้องกันตัวเองนี้ต้องไม่กระทบต่ออำนาจและความรับผิดชอบของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หากการที่ทหารไทยที่ขาขาดจากการเหยียบทุ่นระเบิด 6 รายก่อนหน้านี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่โดยทหารกัมพูชา ยิ่งเพิ่มน้ำหนักในการใช้สิทธิป้องกันตัวเองมากยิ่งขึ้น

สรุป บทความนี้ประสงค์เขียนขึ้นในมุมมองหรือมิติเฉพาะด้านกฎหมายระหว่างประเทศเท่านั้น หากสามารถพิสูจน์ได้เป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่โดยทหารกัมพูชา ส่งผลให้ประเทศไทยมีสิทธิและความชอบธรรมสามารถใช้กำลังอาวุธป้องกันตัวเองในสัดส่วนที่เหมาะสม ภายใต้กฎบัตร
สหประชาชาติส่วนมุมมองหรือมิติอื่น ๆ รวมทั้งการพิจารณาสั่งใช้กำลังอาวุธเพื่อป้องกันตนเองก็เป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาทหารพิจารณาตามอำนาจหน้าที่และความเหมาะสม ตลอดจนหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐที่เกี่ยวข้องวิเคราะห์ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป และควรรับฟังความคิดเห็นของปวงชนชาวไทยประกอบด้วย ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคงของชาติและความสงบสุขของปวงชนชาวไทย ตลอดจนสันติภาพที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img