ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมามีโอกาสสนทนากับคนวัย 15-27 ปี หรือเรียกว่า Gen Z หลายกลุ่มทั้งกลุ่มลูกหลานและกลุ่มที่ทำธุรกิจด้วยการเป็นเจ้าของธุรกิจแบบที่ปลุกปล้ำมาด้วยตัวเองหรือเรียกกันติดปากว่าวัยรุ่นสร้างตัว แต่เป็นธุรกิจที่สุจริต ไม่ใช่ประเภทเดินโพยแล้วผันมาเจ้าของธุรกิจพนันออนไลน์แล้วลงสนามการเมือง
พวกเขาเล่าถึงพฤติกรรมของคนวัยไล่เลี่ยกันว่าการใช้ชีวิตแตกต่างจากคนรุ่น พ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา การสื่อสารจะผ่านทางโซเซียลเป็นหลัก มีการแสดงทัศนคติทางการเมืองที่หลากหลาย แต่จะหนักไปทางระอากับพฤติกรรมนักการเมืองรุ่นเก่า รวมถึงโครงสร้างอำนาจทางการเมืองของไทย ที่คนกลุ่มนี้มองว่าขวางความก้าวหน้าของสังคม
ขณะที่การแต่งกายจะไม่นิยมนุ่งยีนส์ พฤติกรรมการดื่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเครื่องดื่มประเภทผสมแอลกอฮอล์
ซึ่งวัยรุ่นสร้างตัววัยสามสิบกว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหารผสมผสานกับความบันเทิง บอกว่าทางร้านจะ มีการจัดคอนเสิร์ต เดือนละ 1-2 ครั้งเพื่อหารายได้เข้าร้านแบบเป็นกอบเป็นกำ เปิดให้จองโต๊ะราคาโต๊ะละ 1,500 บาทมีน้ำแข็ง น้ำดื่มและโซดา 1ชุด พร้อมออเดิร์ฟ 1 ชุด หวังให้ลูกค้าสั่งเครื่องดื่มประเภทเหล้า เบียร์ หรือไวน์ รวมถึงอาหารต่างๆ โต๊ะกว่า 30 โต๊ะถูกจองเต็ม
“กว่า 20 โต๊ะเป็นกลุ่ม Gen Z นั่งเต็มทุกโต๊ะ โต๊ะละประมาณ 8 คน ปรากฏว่าทุกโต๊ะสั่งเพียงน้ำดื่ม มาดื่มคนละ 1 ขวด อาหารไม่ได้สั่งเพิ่มและไม่ได้สั่งเหล้าเบียร์แต่อย่างใด นั่งชมดนตรีและลุกขึ้นเต้นตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนาน พอดนตรีเลิกรีบกลับบ้าน” เจ้าของร้านบอกและตบท้ายว่าทางร้านขาดทุนยับเพราะราคาโต๊ะที่ขายไปนั้นยังไม่พอจ่ายค่าจ้างดนตรีเลย นับจากวันนั้นมาเข้าสืบค้นข้อมูลถึงพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้พบว่ากลุ่ม Gen Z ไม่นิยมดื่มแอลกอฮอล์คือความเท่
ซึ่งสอดคล้องกับข่าวต่างประเทศชิ้นหนึ่ง ระบุว่า หุ้นกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วโลก สูญเสียมูลค่ารวมกว่า 8.3 แสนล้านดอลล่าร์ในช่วง 4 ปี หลังจากพฤติกรรมดื่มของผู้บริโภคทั่วโลกเปลี่ยนไป กลุ่ม Gen X เริ่มลดการดื่มลง ส่วนคนรุ่นมิลเลนเนียลและ Gen Z กลับมองว่าการดื่มไม่เท่เหมือนแต่ก่อน ทำให้กระแสการไม่ดื่มโตขึ้นเรื่อย ๆ..
สำหรับอุปนิสัยของคน Gen Z มีการวิเคราะห์ไว้ว่าชอบความท้าทาย แก้ปัญหาซับซ้อนและคิดนอกกรอบ สัดส่วนประชากรชายหญิงช่วง 16-30 ปี ของไทยอยู่ที่ 12.79 ล้านคน
หากนำพฤติกรรมและจำนวนคนมาจับกับความเคลื่อนไหวทางการเมือง พอนุมานได้ว่าโอกาสที่กลุ่ม Gen Z จะกลายเป็นพลังทำให้อำนาจการเมืองไทยที่จะมีการเลือกตั้งประมาณปลายเดือนมีนาคม 2569 (หากยุบสภาฯ 31 มกราคม 2569 ตามที่นายกรัฐมนตรีการันตีไว้) พลิกโฉมได้
เนื่องจากกลุ่มคนในวัยนี้จะติดตามดูพฤติกรรมของนักการเมืองและกลุ่มผู้กุมอำนาจ ผ่านทางสื่อโซเซียลทั้งภายในและนอกประเทศแบบเกาะติด แต่ไม่ค่อยจะแสดงให้กลุ่มคนละวัยได้เห็น แต่ถ้าใครสามารถเจาะเข้าถึงกลุ่มคนเหล่านี้จะเห็นความเคลื่อนไหวในหลากรูปแบบ อาทิ ช่วงชาวเนปาลลุกฮือต้านรัฐบาล จะมีการแสดงความเห็นอย่างเร่าร้อน มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่ใช้ความรุนแรง
ดังนั้น พฤติกรรมของนักการเมือง ทั้ง สส., สว. และรัฐมนตรี จะอยู่สายตาของกลุ่มคนเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทา เอี่ยวเครือข่ายพนันออนไลน์ สแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์
แก๊งค้าอาวุธสงคราม ยาเสพติด และ แก๊งค้ายาเสพติด เป็นต้น กลุ่มคนGen Z ล้วนรับรู้รับทราบทั้งสิ้น
แม้แต่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล คนกลุ่มนี้สามารถวิเคราะห์อย่างเจาะลึก ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังได้อย่างกระจ่าง แถมมีการตั้งคำถามถึงคุณสมบัติของรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่านักการเมืองมีพฤติกรรมเอี่ยวธุรกิจสีเทาถ้าเส้นไม่ใหญ่จริงคงถูกสอยไปนานแล้วหรือไม่ โอกาสผงาดนั่งบริหารประเทศได้
ดังนั้น ถ้ามองอย่างวิเคราะห์ถึงการเลือกตั้งส.ส.สมัยหน้า หากพรรคการเมืองไหนสามารถเคลียร์ภาพให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไร้กลุ่มทุนเทา แก๊งสแกมเมอร์ แก๊งพนันออนไลน์ แก๊งค้าอาวุธสงคราม และแก๊งค้าน้ำเถื่อน หนุน โอกาสกลุ่มGen Z เทคะแนนให้มีสูงยิ่ง หรือ ถ้าพรรคการเมืองไหน ปลอดจากการเมืองบ้านใหญ่ครอบงำ ไม่เล่นการเมืองแบบส่งตำแหน่งจากปู่สู่พ่อจากพ่อสู่ลูก จากพี่สู่น้อง จากผัวสู่เมีย หรือเมียสู่ผัว โอการที่จะได้คะแนนจากกลุ่มนี้มีสูงเช่นกัน
ที่สำคัญจากพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้หากดูเผิน ๆ บรรดาผู้ใหญ่หรือผู้ปกครองมองว่าไร้ความผิดชอบ ไร้ความอดทน รักสบาย ไม่สนใจโลก แต่ความเป็นจริงแล้วถือว่าเป็นการมองแบบตรงกันข้าม เพราะจากพฤติกรรมที่มีการวิเคราะห์ไว้ว่าคนกลุ่มนี้ ชอบความท้าทาย แก้ปัญหาซับซ้อนและคิดนอกกรอบ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาเลือกตั้งจริงๆกลุ่มGen Z อาจจะโชว์พลังแบบพลิกความคาดหมายด้วยการเปลี่ยนโฉมหน้าทางการเมืองไทย ให้มาอยู่ในมือของคนรุ่นใหม่ โดยมีกลุ่ม Gen X เป็นแนวร่วมสำคัญ เพราะทั้งสองกลุ่มล้วนอยากเห็นประเทศไทยที่พวกเขาต้องอาศัยอยู่อีกยาวนานกว่าพวกเจนเก่า ๆ เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตและคุณภาพการศึกษาที่ดีขึ้น มีรัฐบาลที่เห็นค่าความเป็นมนุษย์ของทุกชนชั้น และมีกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใสบุคลากรทำงานด้วยความเที่ยงธรรมไม่เลือกปฏิบัติเป็นต้น
ซึ่งพรรคการเมืองทุกพรรคที่จะลงชิงชัยในสนามเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2569 หากหวังจะชนะแบบแลนสไลด์ไม่ควรมองข้ามพลังของคนเจนอย่างเด็ดขาด !!!


