ห้วงเวลานี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กลายเป็นตำบลกระสุนตก เมื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) จับมือกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ทนายความชื่อดัง เดินสายออกรายการต่างๆ ทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ แฉนักการเมืองและตำรวจเอี่ยวแก๊งพนันออนไลน์ สแกมเมอร์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์

โดยเฉพาะ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่พูดพาดพิงถึงนายตำรวจทั้งในอดีตและปัจจุบันว่ารับส่วยจากแก๊งพนันออนไลน์ ถึงขั้นประณามองค์กรที่เคยให้ข้าวให้น้ำ ให้เกียรติยศและศักดิ์ศรี รวมถึงเป็นแหล่งที่สร้างรายได้ให้สามารถนำเงินไปรักษาบิดาด้วยเงินหลักหลายล้านบาทได้ว่า “ตำรวจคือแก๊งอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ”
ส่งผลให้อดีตนายตำรวจนำโดย พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรอง ผบ.ตร. ในฐานะนายกสมาคมตำรวจ พร้อมคณะบุกยื่นจดหมายเปิดผนึกให้ ผบ.ตร. เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำความจริงให้ปรากฏ และหากเกี่ยวพันถึงใครให้เร่งจัดการแบบเด็ดขาด ซึ่งผลจะลงเอยแบบไร้คนผิด หรือจบแบบที่คนแฉไม่กล้าให้ข้อมูล หรือจบแบบตำรวจที่เกี่ยวข้องและคนแฉถูกดำเนินคดีด้วย คงต้องติดตามแบบเกาะติด แต่เชื่อว่าจบแบบให้กาลเวลากลืนกิน
แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร “ประดู่แดง” มีข้อมูลความจริงชุดหนึ่งที่ขอนำเสนอ และอยากให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ช่วยนำข้อมูลชุดนี้ออกมาแฉให้สังคมได้รับทราบด้วยจะยิ่งดี ว่าเป็นฝีมือของตำรวจชุดไหนที่ดำเนินการ เพราะหลังจากที่มีการจับกุม พนักงานสอบสวนส่งฟ้องศาล แต่ผู้ต้องหาหรือจำเลยกลับมาฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จำนวน 2 คดี
คดีแรก บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด บริษัท เอเชียวิชั่น ทราเวล จำกัด บริษัท รอยัล ดรากอน ทรานสปอร์ต จำกัด บริษัท รอยัล พารากอน ทรานสปอร์ต จำกัด บริษัท ออลสตาร์ ทรานสปอร์ต จำกัด และบริษัท อาร์จี ทรานสปอร์ต จำกัด โจทก์ที่ 1-6 ฟ้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 1 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จำเลยที่ 2 พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล จำเลยที่ 3 (อดีตเลขาฯ ปปง.) ในคดีหมายเลขดำที่ พ 5277/2560 ศาลแพ่ง ข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหาย ให้เพิกถอนคำสั่งยึดอายัดและคืนทรัพย์สิน จำนวนทุนทรัพย์ 8,332,954,500 บาท
คดีที่ 2 คดีหมายเลขดำที่ พ 5049/2567 ของศาลแพ่ง โดยบริษัท รอยัลเจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โจทก์ที่ 1 บริษัท บางกอกแฮนดิคราฟท์เซ็นเตอร์ จำกัด โจทก์ที่ 2 บริษัท รอยัลไทยเฮิร์บ จำกัด โจทก์ที่ 3 ฟ้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 1 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำเลยที่ 2 ฐานละเมิด เรียกค่าเสียหาย เรียกค่าขาดประโยชน์ จำนวนทุนทรัพย์ 2,292,434,543 บาท
ทั้งสองคดีอยู่ในขั้นตอน ตร. ขออัยการแก้ต่างคดีแพ่ง และอยู่ในชั้นพิจารณาของศาลแพ่ง สำหรับเบื้องหน้าเบื้องหลังการจับกุมเป็นอย่างไร มีใครเอี่ยวกับผลประโยชน์ในการจับกุมบ้าง พนักงานสอบสวนทำสำนวนส่งฟ้องอย่างไร ถึงทำให้ผู้ถูกจับกุมฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก ตร. และ ปปง. เฉียดหมื่นล้านได้
หากมองถึงผลคดี ถ้าศาลพิพากษาให้จำเลยคือ ตร. และ ปปง. ชดใช้ตามฟ้อง รัฐบาลจะต้องควักเงินหลายพันล้าน ซึ่งล้วนเป็นภาษีของประชาชนทั้งประเทศจ่ายซึ่งความเสียหายจำนวนมหาศาลนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ถ้าชุดจับกุมทำงานแบบรอบคอบ ไม่หวังผลเพียงเพื่อสร้างภาพ หรือสร้างผลงานเพื่อใช้เป็นบันไดไต่ไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น
ดังนั้น หากประชาชนในฐานะเจ้าของเงินภาษีจะตั้งข้อสังเกตว่าคดีนี้น่าจะมีเบื้องหลังที่ไม่ชอบมาพากล ผู้เกี่ยวข้องกับคดีมีผลประโยชน์แอบแฝง ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก
เมื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กำลังอยู่ในอารมณ์ที่จะแฉการทุจริต เอี่ยวส่วย เอื้อประโยชน์ให้กับแก๊งพนันออนไลน์ สแกมเมอร์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อยู่แล้ว น่าจะนำเบื้องหน้าเบื้องหลังของคดีนี้ ว่าใครรับผลประโยชน์บ้างหรือไม่ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ถึงขั้นทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายเฉียดหมื่นล้าน ออกมาแฉบ้าง รับรองว่าจะได้รับเสียงชื่นชมทั้งจากตำรวจและประชาชนอย่างแน่นอน และตัวนายกอนุทินเองทราบเรื่องนี้หรือไม่ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอบสังคมยังไง!!!


