“สแกมเมอร์” ปัญหาระดับโลก “นายกฯ หนู” ต้องลงมาถือธงนำทัพปราบเอง อย่าปล่อยตำรวจเป็นหนังหน้าไฟ!!

619

ประเด็นร้อนแรงที่สุดในสังคมไทยในขณะนี้คงหนีไม่พ้นการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์-คอลเซนเตอร์ เนื่องจากประชาชนชาวไทยจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนและเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทองหรือแม้กระทั่งชีวิตจากอาชญากรรมที่ก่อโดยพวกวายร้ายเหล่านี้ ซึ่งหน่วยงานที่ถูกสังคมคาดหวัง คาดคั้น ว่าต้องจัดการแก้ไขปัญหานี้ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดย่อมหนีไม่พ้นองค์กรตำรวจ โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ซึ่งก็ถูก แต่ไม่ทั้งหมด!

หากคลี่ออกมาดูจะพบว่าปัญหาสแกมเมอร์นั้นถือเป็นปัญหาระดับโลก เป็นการก่ออาชญากรรมโดยองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งแม้แต่ประเทศใหญ่ ๆ อย่างสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลี หรือจีน ก็กำลังปวดหัวในการหาวิธีรับมือกับมิจฉาชีพข้ามชาติ เพื่อปกป้องพลเมืองของตัวเองเช่นกัน เนื่องจากอาชญากรเหล่านี้นอกจากจะโฉดโหดเหี้ยมแล้ว ยังมีเทคนิค วิธี เครื่องไม้เครื่องมือ รวมทั้งเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการหลอกลวงผู้บริสุทธิ์อีกด้วย

ดังนั้นปัญหานี้มันใหญ่เกินกว่าตำรวจไซเบอร์หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะรับมือได้เพียงลำพัง เพราะมันคือการรับมือกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติขนาดใหญ่ ซึ่งรัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีจะต้องนำทีม นำทัพ ทุกองคาพยพให้ร่วมมือ สนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกัน ใครปล่อยเกียร์ว่างต้องจี้ต้องหวด ไม่ใช่ปล่อยให้ตำรวจต้องเดินหน้าทำงานท่ามกลางข้อจำกัดต่าง ๆ ทั้งกำลังพล งบประมาณ อุปกรณ์เทคโนโลยี แม้กระทั่งข้อจำกัดด้านกฎหมาย

ซึ่งที่ผ่านมานอกจากนายกฯ หนู อนุทิน ชาญวีรกูล จะยังไม่แสดงบทบาทที่ควรจะเป็นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหาแล้ว กลับแต่งตั้งผู้ที่มีประวัติเกี่ยวพันกับ “เบน สมิธ” ซึ่งเป็นมือไม้ในการฟอกเงินให้อาชญากรระดับโลก เข้ามาร่วม ครม. อย่างน้อย 2 คน ถึงขั้นตั้งแม้กระทั่งทนายความของ “เบน สมิธ” เข้ามาเป็นข้าราชการการเมือง มานั่งทำงานในทำเนียบรัฐบาล!

แม้ว่าล่าสุดนายกฯ หนูจะประกาศให้การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์-คอลเซนเตอร์เป็นวาระแห่งชาติ แต่ดันบอกว่าจะตีเช็คเปล่าให้ข้าราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าแก้ปัญหาไป ทำให้เกิดคำถามว่านายกฯ จะปล่อยเกียร์ว่าง ลอยตัวเหนือปัญหา ปล่อยให้ฝ่ายราชการโดยเฉพาะตำรวจต้องรับมือโดยลำพังอีกแล้วใช่หรือไม่!?

ยกตัวอย่างง่าย ๆ สมัยท่านยังเป็น รมว.มหาดไทย รัฐบาลขณะนั้นที่นำโดย “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทยต้องการจะตัดไฟ ตัดเน็ต ไม่ให้แก๊งสแกมเมอร์ฝั่งเมียนมาใช้ แต่กว่าจะตัดได้ก็ใช้เวลาหลายวัน ต้องออกมาทวงกัน ตอบโต้กันไปมาผ่านสื่อพักใหญ่ สร้างความเอือมระอาให้ชาวบ้านตาดำ ๆ เพราะอำนาจสั่งการอยู่ในหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคร่วมรัฐบาล ขนาดนายกรัฐมนตรียังสั่งข้ามพรรคยาก แล้วจะให้ตำรวจหรือฝ่ายประจำทำงานกันไปตามลำพัง จะหวังผลให้เกิดการแก้ปัญหาจริงจังได้อย่างไร

ตำรวจจะไปสั่งธนาคารให้อายัดทรัพย์ผู้ต้องสงสัย สั่งให้ปปง.ตรวจเส้นทางการเงิน ตัดเส้นทางการเงิน ยึดทรัพย์ สั่งให้กสทช.ระงับสัญญาณเน็ต สัญญาณโทรศัพท์ เครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ สั่งทหารปิดชายแดนสกัดกั้นการลักลอบข้ามไปมาของทั้งโจรและเหยื่อ สั่งกระทรวงดีอีส่งบุคลากร เครื่องไม้เครื่องมือมาสนับสนุน สั่งกระทรวงต่างประเทศไปเจรจาขอความร่วมมือจากประเทศที่เกี่ยวข้องในการแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือการปฏิบัติการร่วม หรือสั่งให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ถูกใช้โดยแก๊งสแกมเมอร์ให้ความร่วมมือ ปิดกั้น หรือส่งมอบข้อมูลคนร้ายให้ สั่งกระทรวงยุติธรรม สั่งดีเอสไอ สั่ง ก.ล.ต. ให้ร่วมมือ — มันจะเป็นไปได้หรือ!?

ขอเรียกร้องอย่างจริงจังให้นายกฯ อนุทินโฟกัสเรื่องนี้โดยการประกาศตัวออกมาเป็นแม่ทัพเดินหน้าปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ด้วยตัวเอง มีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน กำหนดบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง หากมีอะไรติดขัดทั้งเรื่องข้อกฎหมาย ทรัพยากร ฯลฯ ท่านต้องเป็นคนผลักดันให้อุปสรรคเหล่านั้นหมดไป ท่านต้องใช้เวลาที่เหลือไม่ถึง 3 เดือนจากนี้ก่อนจะยุบสภา เอาจริงเอาจัง เมื่อสั่งการแล้วต้องติดตาม ไม่ใช่อ้างแค่ว่ามอบหมายไปแล้ว สั่งการไปแล้วแต่ไม่ติดตามผล หรือ “ตีเช็คเปล่า” แบบที่กำลังทำอยู่

แน่นอนว่าการที่แก๊งอาชญากรเหล่านี้ยังคงลอยนวลสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินผู้บริสุทธิ์ได้อยู่ส่วนหนึ่งก็เพราะข้าราชการทั้งตำรวจ ทหาร ดีเอสไอ ปปง. กสทช. ดีอี ฯลฯ และนักการเมืองตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับชาติทุจริต ดังนั้นสิ่งที่นายอนุทินจะต้องทำเป็นอันดับแรกเพื่อจะส่งสัญญาณว่า “เอาจริงนะ” คือการเอาบุคคลที่สังคมเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะมากหรือน้อย กับแก๊งสแกมเมอร์-คอลเซนเตอร์ ออกให้พ้นจากอำนาจ ออกให้พ้นจากทำเนียบก่อน เพราะคนเหล่านี้ทำให้ฝ่ายปฏิบัติทำงานได้ยาก เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหา จากนั้นก็ถือธงนำทัพเดินหน้าปราบปรามโจรไซเบอร์ข้ามชาติอย่างจริงจัง ไม่ปล่อยให้ฝ่ายประจำ โดยเฉพาะตำรวจต้องเป็นหนังหน้าไฟ หากทำได้สำเร็จ คนทั้งประเทศจะเข้าคูหาไปกา “ภูมิใจไทย” พานายกฯ หนูคืนทำเนียบแบบเท่ ๆ อย่างแน่นอน!!