หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม191 รวบอดีตสาว PR ผันตัวขายยาเสพติดออนไลน์ พร้อมของกลางยาเสพติดหลายรายการ

191 รวบอดีตสาว PR ผันตัวขายยาเสพติดออนไลน์ พร้อมของกลางยาเสพติดหลายรายการ

ตามนโยบายของรัฐบาลให้เจ้าหน้าที่ของภาครัฐปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายเนื่องจากการแพร่ระบาดของยาเสพติดซึ่งเป็นภัยคุกคามและอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร.ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง

กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์รอง.ผบช.น.,พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ., พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล , พ.ต.อ.กรกฎ โปชยะวณิช, พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ, พ.ต.อ.อาวุธ อุดมรัตน์, พ.ต.อ.อภิฌาน สวัสดิบุตร, พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.อัษฎาวุธ ขวัญเมือง, พ.ต.ท.วสุเทพ ใจอินทร์, พ.ต.ท.ศตวรรษ คนชุม ,พ.ต.ท.ไพบูลย์ สอโส รอง ผกก.สายตรวจฯ ,พ.ต.ต.ณัฐดนัย บำรุงศรี สว.งานสายตรวจ 2 ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติ ดังนี้

“ 191 รวบอดีตสาวPR ผันตัวขายยาเสพติดออนไลน์” วันที่จับกุม วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 เวลาประมาณ 15.35 น. จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหา 2 คน คือ นางสาวยุพา หรือจ๋า (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี(ผู้ต้องหาที่ 1) และนางสาวพัชรีหรือมิกิ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี(ผู้ต้องหาที่ 2)

พร้อมด้วยรายการของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) น้ำหนัก 14.25 กรัม ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (คอลลาเจน หรือเมทแอมเฟตามีน) จำนวน 5 ซอง หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ผสมเอโทมิเดต (พอตเค) จำนวน 6 หัว วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (ไฟว์ไฟว์) จำนวน 1 แผง มีทั้งหมด 10 เม็ด ซองกระดาษลายการ์ตูนชนิดแข็ง ไว้บรรจุยาเสพติดส่งลูกค้า จำนวน 44 ชิ้น โทรศัพท์ จำนวน 2 เครื่อง อุปกรณ์เสพยาเสพติด จำนวน 1 ชุด

โดยแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ถูกจับกุมที่ 1 และ 2 ว่า “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) และร่วมกันมีไว้ในครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน (ของกลางรายการที่ 1), ร่วมกันมีไว้ในครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์, Happy Water หรือเมทแอมเฟตามีน) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน , ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (ไฟว์ไฟว์ และเอโทมิเดต) โดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”

พฤติการณ์กล่าวคือ ก่อนจับกุมในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายสายตรวจ 2 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ได้รับแจ้งจากสายลับว่าสามารถติดต่อสั่งซื้อยาเสพติด (ยาไอซ์) น้ำหนักประมาณ 1 กรัม ในราคา 1,000 บาท โดยผู้จำหน่ายจะลักลอบจำหน่ายผ่านช่องทางกลุ่มไลน์ออฟฟิเชียล เมื่อมีลูกค้าติดต่อสั่งซื้อ ผู้ต้องหาจะส่งให้ลูกค้าผ่านไรเดอร์ ไปตามที่อยู่ที่ลูกค้าแจ้งไว้ และจะแพ็คยาเสพติด (ยาไอซ์) ใส่ซองกระดาษ บรรจุใส่ถุงพลาสติกสีต่างๆ เพื่อส่งให้กับไรเดอร์นำไปส่งให้กับลูกค้า จึงได้สายลับติดต่อสั่งซื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งผู้บังคับบัญชาทราบและได้รับคำสั่งให้ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดและผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหารายดังกล่าว พักอาศัยและส่งยาเสพติด (ยาไอซ์) อยู่ที่ เคหะเอื้ออาทรย่านคู้บอน แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกเดินทางไปเฝ้าสังเกตการณ์

ต่อมาวันที่ 3 พ.ย. 68 ต่อมาเวลาประมาณ 15.35 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยภายในอาคารพบเห็น ไรเดอร์มารับถุงใส่ของที่ห้องพักดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่าเป็นยาไอซ์ จากนั้นได้ขยายผลได้ทำการตรวจค้นห้องพักดังกล่าว พบ ผู้หาต้องหาที่ 1 นางสาวยุพา หรือจ๋า (สงวนนามสกุล) และ ผู้ต้องหาที่ 2 นางสาวพัชรี หรือมิกิ (สงวนนามสกุล) แสดงตัวเป็นผู้ครอบครอง/พักอาศัย และนำการตรวจค้นพบ ยาเสพติด ตามรายการของกลางฯ จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 2 รับว่ายาเสพติดของกลางเป็นของพวกตน มีไว้สำหรับจำหน่ายให้กับลูกค้าทางออนไลน์จริง ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ โดยผู้ต้องหาที่ 2 นางสาวพัชรี หรือมิกิ (สงวนนามสกุล) ยังรับว่าตนเคยประกอบอาชีพเป็นPR และมีลูกค้าให้ช่วยติดต่อซื้อหายาเสพติดให้ จนเห็นว่าเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ จึงทำเรื่อยมาๆจนถูกจับกุมในที่สุด ที่น่าสังเกตจากการเข้าตรวจค้นภายในห้องพบว่ามีกองขยะจำนวนมาก จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 2 แจ้งว่าใช้ชีวิตอยู่ภายในห้องเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ออกไปไหนและเป็นเป้าสายตาของบุคคลภายนอก จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.คันนายาวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img