“ประดู่แดง”เคยนำเสนอแนวทางการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์โดยรวบรวมจากความเห็นของแหล่งข่าวในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทหารและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาหลายครั้ง
แต่จะนำเสนอในรูปแบบของแหล่งข่าวเพราะผู้ที่ให้ข้อมูลเกรงว่าถ้าใช้ชื่อและตำแหน่งจริงจะกระทบต่อความก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ เพราะทั้งแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์และแก๊งพนันออนไลน์ ต่างมีคนในเครื่องแบบระดับสูงรวมถึงนักการเมืองทุกระดับทั้ง ส.ส. ส.ว. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรี รัฐมนตรีและผู้มีอำนาจในประเทศเพื่อนบ้านเอี่ยวด้วย
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ”ประดู่แดง” เคยนำเสนอความเห็นของอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนหนึ่งว่าถ้าจะปราบปรามกันจริงๆทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร กสทช. ทหาร และ ปปง.จะต้องผนึกกำลังกัย โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นหัวขบวนโดยอดีต ผบ.ตร.คนหนึ่งเคยเสนอนายกรัฐมนตรีว่าถ้าจะปราบปรามแบบอยู่หมัดทั้งฝั่งเมียนมาและและกัมพูชา นายกรัฐมนตรีจะต้องจับคุยกับผู้นำพม่าและผู้นำกัมพูชาที่มีอำนาจจริงๆหรือถ้าคุยแล้วไม่ได้รับการสนองตอบ ใช้วิธีตัดน้ำ ตัดไฟ และการตัดการสื่อสารทุกชนิดที่ไทยไปยังทั้งพม่าและกัมพูชา แต่เป็นได้เพียงข้อเสนอ
ซึ่งข้อมูลที่ ”ประดู่แดง” นำเสนอนี้ผู้อ่านอาจจะรู้สึกว่าไม่ขลังพอหรือเป็นข้อมูลที่ใครพูดก็ได้ หรือเขียนเพื่อสะท้อนว่าตำรวจเอาจริงแต่หน่วยงานอื่นเกียร์ว่าง
ดังนั้น เพื่อยืนยันว่าการปราบปรามพวกสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องผนึกกำลังกันจัดการ ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติงานจะยืนยันความจริงได้ดีที่สุด

โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผบ.ตร.อดีตผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ผบช.สอท.)เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการตำรวจ เกี่ยวกับความคืบหน้าการปฏิรูปตำรวจ และ พล.ต.อ.กรชัย สะท้อนถึงปัญหาเกี่ยวกับปัญหาการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์
พล.ต.อ.กรไชย ระบุว่าสาเหตุหลักอยู่ที่ 3 หน่วยงานคือธนาคารพาณิชย์ กสทช.และตำรวจ แต่ประชาชนเข้าใจผิดว่าตำรวจต้องรับผิดชอบทั้งหมด ทั้งที่เงินอยู่ในระบบธนาคารพาณิชย์ และโทรศัพท์มือถือของเหยื่อเอง ทั้งนี้ ตร.เคยเสนอให้กำหนดในกฎหมายเพื่อป้องกันและแก้ปัญหา
“โดยให้ 1 บุคคลครอบครองได้ 1 หมายเลข และ 1 บัญชีแบงก์กิ้ง เพื่อควบคุมการโอนเงินให้สามารถตรวจสอบได้ แต่ข้อเสนอนี้ยังไม่ถูกนำไปปฏิบัติ แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บอกว่า 1 เบอร์มีแค่ 1 ธนาคาร แต่มีเบอร์เดียวกลับมีถึง 3 ธนาคาร”พล.ต.อ.กรไชยระบุและว่าปัจจุบันมีบุคคลธรรมดาถือครองหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่เกิน 1,000 หมายเลข/คน ซื้อได้ง่ายมากตามร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ ทั้งนี้ พบว่าเด็กอายุเพียง 12 ปีสามารถเปิดบัญชีอีแบงก์กิ้งได้และกสทช.ไม่เคยกำหนดข้อจำกัด จึงเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพใช้ซิมม้าและบัญชีม้าโอนเงินหลอกลวงเหยื่อ โดยเฉพาะการใช้เครื่องSIM BOX
“ปี 2565 เคยจับได้กว่า 200 เครื่อง โดยเครื่องหนึ่งมี 32 ซิมสามารถโทรได้วันละ 16,000 ครั้งเดือนละกว่า 4.8แสนสาย โทรรวมทั้งหมดได้กว่า 96 ล้านครั้ง/เดือน ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการหลอกลวงของแก๊งสแกมเมอร์จากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา” พล.ต.อ.กรไชยระบุและว่าคนที่ถือเบอร์ในไทยมีราว 40 ล้านคน แต่มีคนถูกหลอกกว่า 10 ล้านคน แค่โอนคนละพันทำเงินมหาศาลแล้ว ปัจจุบันสายโทรหลอกจำนวนมากถูกยิงสัญญาณจากประเทศเพื่อนบ้านไปกลับหลายประเทศก่อนกลับเข้าไทย ทำให้ติดตามหาIP ได้อยาก ตนเคยเสนอให้กสทช.จำกัด 1 คนมีไม่เกิน 5 เบอร์ ผ่านมากว่า 10 ปี ยังไม่ได้ดำเนินการ อยากให้รัฐบาลออกกฎหมายบังคับใช้อย่างจริงจัง
พล.ต.อ.กรไชย ระบุอีกว่า ในส่วนของธนาคาร ถือเป็นต้นทางเงิน แต่กลับใช้เวลาตรวจสอบ 1-2 เดือน ถึงจะรู้ปลายทางการโอนเงิน ทำให้ยากต่อการติดตาม เช่นกรณีเหยื่อถูกหลอกโอนเงิน 7 ล้านบาทในเวลาเพียง 1.20 ชั่วโมง หากธนาคารรับแจ้งความได้ทันทีและบล็อกบัญชีได้เลย เงินยังอยู่ในระบบ แต่ที่ผ่านมาไม่มีการออกกฎหมายบังคับจึงไม่มีความรับผิดชอบ
“ดังนั้นต้องออกกฎหมายบังคับให้กสทช.และธนาคารร่วมมือกับตำรวจอย่างจริงจัง หากปล่อยให้ทุกอย่างพึ่งเพียงคำว่าขอความร่วมมือ สังคมไทยจะไม่มีวันหลุดพ้นจากปัญหาสแกมเมอร์” พล.ต.อ.กรไชยระบุแล้วว่าลองถามแต่ละบริษัทที่ให้บริการมือถือจะรู้ว่าที่ขายดีที่สุดสุดคือซิมอินเตอร์เน็ต แต่ไม่มีใครกล้าเปิดเผยเพราะมันคือผลกำไร เขาไม่ได้มองถึงความเดือดร้อนของประชาชน แต่มองที่ผลกำไรเท่านั้น โดยไม่มีกฎหมายไปบังคับเลยปล่อยให้เขาเล่นเลยเถิดกับรัฐบาลและประชาชน แล้วตัวเองออกมาเป็นฮีโร่ ขณะที่ตำรวจกลายเป็นเหยื่อแทน
จากเนื้อหาที่ พล.ต.อ.กรไชย ชี้แจง พออนุมานได้ว่าการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ และพนันออนไลน์ ตำรวจลุยเดี่ยวมาตลอด โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแค่ร่วมแจม
ดังนั้น ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีผลักดันให้วาระแห่งชาตินั้นถูกต้องแล้ว แต่ขอถามแทนประชาชนว่าจะลงมือกี่โมง แต่คิดว่าคงทำแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆเพราะกว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาถึง 4 ชุด ประชุมวางแนวทางครบทุกชุดคงกินเวลาไปค่อนเดือนแล้ว
ช่วงนี้จึงขอให้ตำรวจรับบทเหยื่อให้สังคมรุมขย้ำไปพลางๆก่อนนจ๊ะ !!!


