เขมร-ไทย ลงนามถอนอาวุธชายแดน 3 เฟส ภายใต้การสังเกตการณ์ AOT เริ่ม 1 พ.ย. นี้

907

“แม่ทัพเติ่ง–ผบ.โปว เฮง” ลงนามข้อตกลง RBC ร่วมกับกองทัพภาคที่ 2 ไทย ถอนอาวุธหนัก–รถถัง–จรวดแบบมีขั้นตอน 3 ระยะ สร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นชายแดนไทย–กัมพูชา หากพบรายงานเท็จถือว่าขาดความจริงใจต่อกระบวนการสันติภาพ

พลเอก ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ภาพ และแถลงการณ์ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนภูมิภาคไทย–กัมพูชา (RBC) พิเศษ ร่วมกัน ว่าด้วยการถอนอาวุธหนักและอาวุธที่มีอำนาจการทำลายล้างสูง ของ ภูมิภาคทหาาที่ 4 กัมพูชา และกองทัพภาคที่ 2 ไทย วันที่ 31 ต.ค. 68 ที่ โอร์เสม็ด สำโรง จังหวัดอุดรมีชัย กัมพูชา ชายแดนช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ ของไทย

โดยมี พลโท โปว เฮง ผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 4 แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และ พล.ต.วีระยุทธ รักษ์ศิลป์ ผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 แห่งราชอาณาจักรไทย ภายใต้การสังเกตการณ์ของคณะ AOT​ การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นตามผลการประชุมของ คณะกรรมการเขตแดนทั่วไปพิเศษ (GBC) สมัยที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

และยึดตามเจตนารมณ์และหลักการของแถลงการณ์ร่วม ที่นายกรัฐมนตรีของ กัมพูชา ไทย และมาเลเซีย พร้อมด้วย ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของทั้ง 4 ประเทศในการส่งเสริมความโปร่งใส การสร้างความเชื่อมั่น และการบริหารจัดการท่าทีทางทหารในภูมิภาคอย่างมีความรับผิดชอบ

เพื่อดำเนินการตามผลการประชุม GBC สมัยที่ 2 และตามแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว ผ่านกระบวนการถอนอาวุธหนักแบบเป็นขั้นตอน และมาตรการสร้างความไว้วางใจร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพตลอดแนวชายแดนกัมพูชา–ไทย ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงดังนี้

A- ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับการจำแนกประเภทอาวุธออกเป็น 3 หมวด พร้อมนิยามดังนี้

Type A หมายถึง ระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง (Multiple Launch Rocket Systems – MLRS) ที่มีท่อยิงตั้งแต่ 2 ท่อขึ้นไป

Type B หมายถึง ระบบปืนใหญ่ทุกชนิด ทั้งแบบลากจูงและแบบขับเคลื่อนด้วยตนเอง ครอบคลุมขนาดกระสุน 105 มม., 122 มม., 130 มม., 152 มม., และ 155 มม.

Type C หมายถึง ยานเกราะติดอาวุธ โดยเฉพาะรถถังหลัก ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้การเคลื่อนที่ที่มีการป้องกันดีเยี่ยม มีอำนาจการยิงสูง และสนับสนุนกำลังรบโดยตรง

B -ทั้งสองฝ่ายยืนยันพันธกรณีที่จะธำรงไว้ซึ่งความเคารพซึ่งกันและกันอย่างเต็มที่ และยึดมั่นในการดำเนินการตามผลลัพธ์ของการประชุม GBC สมัยที่ 2 รวมถึงหลักการที่กำหนดไว้ในแถลงการณ์ร่วมที่ลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568

C- ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะดำเนินการถอนอาวุธทั้งสามประเภท (A, B และ C) แบบเป็นขั้นตอน ภายใต้การสังเกตการณ์และการตรวจสอบของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ตามแผนปฏิบัติการที่ได้ตกลงร่วมกัน

D- ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบ การบันทึกข้อมูล และการสังเกตการณ์โดยคณะ AOT

E-ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะออกแถลงข่าวต่อสาธารณะเป็นระยะ เพื่อรายงานความคืบหน้าและผลการตรวจสอบกระบวนการถอนอาวุธ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และความเชื่อมั่นของสาธารณชน ต่อการดำเนินการ

F-ทั้งสองฝ่ายตกลงว่า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ปกปิดหรือรายงานเท็จ เกี่ยวกับปริมาณหรือประเภทของอาวุธ การกระทำดังกล่าวจะถือเป็นการขาดความจริงใจในการฟื้นฟูความปกติ ความมั่นคง และความสัมพันธ์อันดี ระหว่างสองประเทศ

G-กระบวนการถอนอาวุธหนักและอาวุธทำลายล้างสูง เฟสแรก จะดำเนินการในช่วงเวลา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 21 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้การสังเกตการณ์และตรวจสอบของคณะ AOT

H-การประชุมของสำนักเลขาธิการ RBC เพื่อวางแผนรายละเอียดและดำเนินการ ระยะที่ 2 จะจัดขึ้นในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้การสังเกตการณ์และตรวจสอบของคณะ AOT.

กระบวนการถอนอาวุธหนักและอาวุธทำลายล้างสูงในระยะที่ 2 จะดำเนินการในช่วงเวลา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน ถึง 12 ธันวาคม 2568 ภายใต้การสังเกตการณ์และตรวจสอบของคณะ AOT

I-การประชุมของสำนักเลขาฯ RBC เพื่อวางแผนรายละเอียดและดำเนินการ ระยะที่ 3 จะจัดขึ้นในวันที่ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกัน ภายใต้การสังเกตการณ์และตรวจสอบของคณะ AOT

กระบวนการถอนอาวุธหนักและอาวุธทำลายล้างสูงในระยะที่ 3 จะดำเนินการในช่วงเวลา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม – 31 ธันวาคม 2025 ภายใต้การสังเกตการณ์และตรวจสอบของคณะ AOT

J -การประชุมของสำนักเลขาธิการ RBC อาจจัดขึ้นได้ทั้งในรูปแบบออนไลน์หรือแบบพบกันโดยตรง ตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกัน ภายใต้การสังเกตการณ์และตรวจสอบของคณะ AOT เพื่อให้มั่นใจถึงการ ประสานงานที่มีประสิทธิภาพ การปรึกษาหารือที่ทันเวลา และการดำเนินการถอนอาวุธและตรวจสอบอย่างมีประสิทธิผล​