ผู้การนนทบุรี นำกำลังบุกค้นบ้านหรู ยึดบุหรี่ไฟฟ้าล๊อตใหญ่สุดในเมืองนนท์ มูลค่ากว่า 24 ล้าน พบอาวุธปืน 2 กระบอก อ้างนำเข้าสินค้าจากพ่อค้าชาวจีน

332

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 ต.ค. 68 พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.เดชรพี คงดี ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, พ.ต.อ.จิรายุส วานิชกูล ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี และ พ.ต.ท.ศุภชัย ศรีศักดิ์ รอง ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ภ.จว.นนทบุรี นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหรูภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนเลียบคลองประปา ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ตามหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 939/2568 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2568 หลังได้รับรายงานว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่

จากการตรวจค้นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 180 ตารางเมตร เจ้าหน้าที่พบของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนประมาณ 70,000–80,000 ชิ้น รวมมูลค่าประมาณ 24,000,000 บาท พร้อมอาวุธปืนพกสั้น 2 กระบอก ได้แก่ 1.ปืนพกสั้น Sig Sauer รุ่น P365 ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก 2.ปืนพกสั้น Sig Sauer รุ่น P938 ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนอีกหลายรายการ รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง

ภายในบ้านพบชาย 3 ราย แสดงตนเป็นผู้พักอาศัย ได้แก่ 1.นายธวัชชัย ทองสุข อายุ 32 ปี 2.นายวุฒิโรจน์ ฉายบุญคริง อายุ 34 ปี 3.นายวิชญ์วัฒน์ พฤทธิ์กิ่งเพชร อายุ 30 ปี​ โดย นายธวัชชัย หนึ่งในผู้ต้องหา ให้การเบื้องต้นว่า ได้ร่วมกันเช่าบ้านหลังนี้กับเพื่อนทั้งสองคน เดือนละ 30,000 บาท โดยอ้างว่าเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ราวครึ่งปี ใช้บ้านหลังนี้เป็นที่เก็บสินค้าเท่านั้น ไม่ได้พักอาศัยจริงจัง โดยสินค้าทั้งหมดเป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่ขายให้ลูกค้าประจำผ่านทางโทรศัพท์ ไม่ได้จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์

นายธวัชชัยให้การต่อว่า รู้จักกับชายชาวจีนชื่อ “เฉิน” ขณะเดินทางไปเที่ยวประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นเจ้าของร้านบุหรี่ไฟฟ้า โดยนายเฉินเสนอขายสินค้าราคาถูกจึงแลกเบอร์ติดต่อไว้ ต่อมาได้เริ่มรับสินค้ามาจำหน่ายในไทย มีรถตู้ 1 คันใช้ขนส่งสินค้าไปส่งให้ลูกค้าตามออเดอร์ รับสินค้าครั้งละประมาณสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง โดยจำหน่ายในราคาส่งตัวละประมาณ 160 บาท และเพิ่งเริ่มขายได้เพียง 3–4 เดือน ของกลางที่พบในบ้านเป็นสินค้าที่เพิ่งได้รับมาและยังไม่ได้จำหน่ายออก

พล.ต.ต.เดชรพี คงดี ผบก.ภ.จว.นนทบุรี กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งผู้จำหน่ายและผู้เสพต่างมีความผิดตามกฎหมายเช่นเดียวกัน ขอฝากเตือนไปยังผู้ค้าให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวทันที และฝากถึงโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน อยากให้ตระหนักถึงอันตรายจากสารเคมีและผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ขอให้ผู้ปกครองช่วยดูแลและกำชับบุตรหลานไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับสูบบุหรี่ไฟฟ้า เพราะนอกจากเป็นภัยต่อร่างกายแล้วยังอาจนำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา 1.ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 24/2567 เรื่องห้ามผลิต จำหน่าย หรือให้บริการสินค้าบารากู่และบุหรี่ไฟฟ้า ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคฯ 2.ร่วมกันนำเข้าหรือมีไว้ในครอบครองสินค้าที่ไม่ผ่านพิธีการศุลกากร 3.ร่วมกันซ่อนเร้นหรือจำหน่ายของที่ตนรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง 4.มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบของกลางทั้งหมด รวมถึงเส้นทางการนำเข้าสินค้าและอาวุธปืน เพื่อขยายผลไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง พร้อมนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป