ตำรวจCIB จับรถบรรทุกหนัก เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไปกว่า 44 ตัน!

295

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล, พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ธัช โพธิ์สุวรรณ ผกก.1 บก.ทล., พ.ต.ท.นาวิน คงสว่าง, พ.ต.ท.มีเดีย ปฐมพรวิวัฒน์ รอง.ผกก.1 บก.ทล.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ศุภกร ตังคะประเสริฐ สวญ.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล., พ.ต.ท.อัครวุฒิ จันทร์เจริญ สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ร.ต.อ.ปรีชา ทองหยวก รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล., ร.ต.ท.ณัชพล ศรีอ่ำ, ร.ต.ท.อัสนี ศรีจันทร์, ร.ต.ท.สุชาติ ธิมา รอง สว.(ป.) ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล., ด.ต.คำรณ ทองแก้ว, ด.ต.ยศภัทร อินต๊ะ, จ.ส.ต.ธนกฤต สาระสหตันติ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.

ร่วมกันจับกุม นายจักรพงษ์ฯ อายุ 27 ปี ในความผิดฐาน เป็นผู้ประจำรถ(ขับขี่)โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ม.93 พรบ.ขนส่งทางบก พ.ศ.2522, 2.นำยานพาหนะที่มีน้ำหนักบรรทุกเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดมาใช้บนทางหลวง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2549) มาตรา 61 ประกอบกับประกาศผู้อำนวยการทางหลวงพิเศษ ผู้อำนวยการทางหลวงแผ่นดินและผู้อำนวยการทางหลวงสัมปทาน พร้อมตรวจยึดของกลาง รถยนต์บรรทุก ยี่ห้อ ISUZU สีม่วง,เหลือง,ฟ้า ชนิด กระบะบรรทุก ยกได้ 3 เพลา 6 ล้อ ใช้ยาง10 เส้น บรรทุกดิน จำนวน 1 คัน ,รถพ่วง สีม่วง,เหลือง,ฟ้า ชนิด กระบะบรรทุก ยกได้ 3 เพลา 6 ล้อ ใctช้ยาง 12 เส้น บรรทุกดิน จำนวน 1 คัน,ใบชั่งน้ำหนัก บางปะอินเสาเข็มคอนกรีต จำกัด น้ำหนัก 47,620 กิโลกรัม จำนวน 1 ใบ ใบชั่งน้ำหนัก บางปะอินเสาเข็มคอนกรีต จำกัด น้ำหนัก 47,350 กิโลกรัม จำนวน 1 ใบ สถานที่จับกุม บริเวณ ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมออกตรวจในพื้นที่เขตรับผิดชอบเพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดทางอาญาฯ และพ.ร.บ.ที่มีโทษทางอาญา พื้นที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (พระนครศรีอยุธยา,ปทุมธานี,นนทบุรี) โดยพบรถยนต์บรรทุก ยี่ห้อ ISUZU สีม่วง,เหลือง,ฟ้า และรถพ่วง สีม่วง,เหลือง,ฟ้า ขับขี่ผ่านมา ต้องสงสัยว่าบรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนักที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด เพื่อทำการตรวจสอบโดยก่อนทำการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนที่พอใจจึงเริ่มทำการตรวจสอบ พบนายจักรพงษ์ฯ อายุ 27 ปี แสดงตนเป็นผู้ขับขี่

โดยก่อนทำการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนที่พอใจจึงเริ่มทำการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ,ใบชั่งน้ำหนัก ผลปรากฏว่านายจักรพงษ์ฯ แสดงใบอนุญาตเป็น ผู้ขับรถส่วนบุคคลชนิดที่ 3 ฉบับที่ 1 อย00035/68 วันสิ้นอายุ 8 มิ.ย.2571 ซึ่งรถบรรทุกคันดังกล่าว เป็นรถบรรทุกไม่ประจำทาง ซึ่งใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ต้องเป็นใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถทุกประเภท ชนิดที่ 3 ขึ้นไป ถึงจะมีสิทธิ์เป็นผู้ประจำรถได้ จึงแจ้งให้ทราบว่า การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ข้อหา“เป็นผู้ประจำรถ(ขับขี่)โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ม.93 พรบ.ขนส่งทางบก พ.ศ.2522”และไม่มีใบชั่งน้ำหนัก ขณะเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบ จึงเชิญผู้ขับขี่พร้อมรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวไปทำการตรวจสอบกับเครื่องชั่งน้ำหนัก ปรากฏว่าชั่งน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกสิ่งของได้ จำนวน 94,970 กิโลกรัม ซึ่งพิกัดตามกฎหมายสำหรับรถประเภทนี้ กำหนดไว้ที่ 50,500 กก. จึงเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไป จำนวน 44,470 กิโลกรัม

จากนั้นจึงเชิญผู้ขับขี่และรถยนต์บรรทุกของกลางคันดังกล่าวทำบันทึกการจับกุม สอบถามนายจักรพงษ์ฯ ได้ให้การว่า ได้ไปบรรทุกดินจาก อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อไปส่งที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยไม่ผ่านการชั่งน้ำหนักมาก่อน และรับว่าขับขี่รถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวมาจริงโดยตนไม่ทราบว่ารถยนต์บรรทุกของตนมีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงแจ้งสิทธิ์ แจ้งข้อกล่าวหา

ให้ทราบว่า “นำยานพาหนะที่มีน้ำหนักบรรทุกเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดมาใช้บนทางหลวง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2549) มาตรา 61 ประกอบกับประกาศผู้อำนวยการทางหลวงพิเศษ ผู้อำนวยการทางหลวงแผ่นดินและผู้อำนวยการทางหลวงสัมปทาน” จึงได้นำตัวพร้อมตรวจยึดของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ท้องที่เกิดเหตุดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และผู้ต้องหาได้แจ้งให้นายจ้างทราบแล้วถึงการจับกุมในครั้งนี้