บช.น.รวบ​ แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเหยื่อข้าราชการบำนาญมูลค่าทรัพย์สินรวม 20 ล้านบาท

631

ตำรวจนครบาลจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวฮ่องกง หลอกข้าราชการบำนาญโอนเงินและซื้อทองคำแท่งมูลค่ารวมกว่า 20 ล้านบาท หลังเหยื่อหลงเชื่อโทรศัพท์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารและตำรวจ อ้างตรวจสอบคดีฟอกเงิน ก่อนตำรวจวางแผนล่อซื้อจับกุมได้คาโรงพยาบาลกลางกรุง พร้อมของกลางทองคำและเงินสดกว่า 1 ล้านบาท เตรียมขยายผลจับเครือข่ายต่างประเทศต่อไป

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร,

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2568 พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น,เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.กิตดิ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชวงศ์ รอง ผบ.ตร, พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร, พล.ท.ทท.โตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้ช่วย ผบ.ตร. สั่งการให้ปราบปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) อย่างเฉียบขาด ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ท.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. ,และตนพร้อมด้วย พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผบช.น.,พล.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิสัย ผบก.สส.บชน.บชน..พล.ต.ต.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ ผบก.น.6, พ.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.น.6, พ.อ.วิทวัส เข่งคุ้ม ผกก. สน.พลับพลาไชย2,พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.บก.น.6. พ.ต.ท.วิสิทธิ์ สายบัวทอง รอง ผกก.สส.บก.น.6, พ.ท.สุทิน ยุ่นสมาน รอง ผกก.สส.สน.พลับพลาไชย 2, พ.ต.ท.ธนกฤต วุฒิมโนจินดา สว.สน.พลับพลาไชย 2 , พ.ต.ท.ชูชีพ วงษ์บุบุญเพ็ง สว.สส.บก…6 ได้สังการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.พลับพลาไขย 2 และ กก.สส.บก.น.6 ร่วมกันทำการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายเป็นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหาย ดังนี้

พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.

พล.ต.ต.วสันต์​ เปิดเผยอีกว่า สำหรับคดีนี้นั้น พฤติการณ์ กล่าวคือ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม เวลาประมาณ 23.00 น. ได้มีนางสาวทัศวรรรณ (นามสมมุติ) ผู้เสียหายข้าราชการบำนาญ มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมด้วยอาการหวาดกลัว และมีแนวโน้มในการทำร้ายตนเอง

โดยแจ้งว่า เมื่อวันที่ 25 กันยายน 68 ได้มีกลุ่มคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยหญิงไทยไม่ทราบชื่อสกุล แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย ได้โทรเข้ามาที่เบอร์โทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย แจ้งว่าบัญชีธนาคารกรุงไทยของผู้เสียหายมีความผิดปกติทางการเงินจำเป็นต้องมีการตรวจสอบ จากนั้นได้โอนสายไปให้สนทนากับอีกบุคคลหนึ่งซึ่งแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลอกลวงว่าผู้เสียหายมีความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน และให้โอนเงินในบัญชีทั้งหมดเพื่อทำการตรวจสอบ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและได้โอนเงินไปเป็นจำนวนกว่า 4 แสนบาท

พล.ต.ท.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร.

พล.ต.ต.วสันต์ ยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่ส ต่อมาเมื่อผู้เสียหายจะทำการโอนอีก บัญชีธนาคารกรุงไทยของผู้เสียหายกลับถูกอายัดเนื่องจากธนาคารพบว่ามีความผิดปกติ กลุ่มคนร้ายจึงได้หลอกลวงให้ผู้เสียหายไปทำการถอนเงินออกจากบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ที่หนึ่งเป็นจำนป็นจำนวนกว่า 14 ล้านบาท และให้นำไปซื้อทองคำแท่งจำนวน 250 บาท เพื่อส่งไปให้ทำการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุตจับกมามจึงได้พูดคยให้ผู้เสียหายเกิดความผ่อนคลาย และได้นำผู้เสียหายมาอยู่ในความคุ้มครอง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าดูแลโดยตลอด และได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น,

ต่อมาวันที่ 18 ต.ค.2568 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้วางแผนจับกุมกลุ่มคนร้ายแก๊งคอลเช็นเตอร์ โดยวางแผนให้ผู้เสียหายดำเนินการตามที่คนร้ายสั่งการทางไลน์ นำทองคำแท่งดังดังกล่าวบรรจุลงในกระป้องนมมผง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมและผู้เสียหายได้เด้เดินทางไปที่โรงพยาบาลสมิติเวช เยาวราช จุดนัดหมาย เพื่อรอส่งมอบทองคำและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้กระจายกำลังแฝงแฝงตัวตัวยชุดไรเตอร์อยู่ภายในบริเวณโรงพยาบาลใกล้ชิดกับผู้เสียหาย เมื่อถึงเวลานัดหมาย ได้มีคนร้าย ทราบชื่อภายหลังคือ MR. MING YIN TANG สัญชาติ ฮ่องกง ซึ่งมีดำหนิรูปพรรณตรรณตรงที่คนร้ายสนทนากับผู้เสียหาย เดินตรงเข้ามาหาผู้เสียหาย เพื่อรับทองคำแท่ง

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุม จากนั้นได้นำตัว ผู้ต้องหาไปทำการตรวจจคนที่ท้องพักย่านสุขมวิท ผลการตรวจค้นพบทรัพย์สินเป็นทองคำและเงินสดมูลค่ารวมกว่า 1,000,000, บาท จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่า ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการที่ได้ร่วมกันหลอกลวงบุคคลมาแล้วจำนวนหลายราย โดยมีการสั่งการมาจากหัวหน้าที่อยู่ต่างประเทศ และมีการแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขั้นตอมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ตรวจยึดทรัพย์สินทั้งหมดไว้เป็นของกลาง และแจ้งข้อกล่าวหา ให้ผู้ต้องหาทราบว่า ” ร่วมอ้อโกง

โดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ, เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด ” จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้ทำการ
สืบสวนขยายผลเพื่อติดตามผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอล เซ็นเตอร์ดังกล่าวต่อไป

กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงขอประชาสัมพันธ์พฤติการณ์ของคนร้ายมาเพื่อแจ้งเตือนประชาชน อย่าได้หลงเชื่อบุคคลที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อขอตรรจสอบทรัพย์สิน โดยการหลอกลวงให้โอนเงินและส่งมอบทรัพย์สินต่างๆ “พล.ต.ต.วสันต์ กล่าวเปิดเผยถึงคดีดังกล่าว“