ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ หากเราได้ไปสูดอากาศดี ๆ บนภูเขาสูง ก็คงจะเป็นทริปที่ฮีลใจได้ไม่น้อย และยิ่งได้สัมผัสความชุ่มชื้นและไอเย็นจากป่าเขาก็ยิ่งโดนใจเข้าไปอีกนะคะ ว่าแล้วก็ตามรองเท้าแก้วไป “แบกเป้ ปีนภู ดูดาว” กันได้เลยค่ะ

วันนี้รองเท้าแก้วจะชวนเพื่อน ๆ ไปเยือนอุตรดิตถ์เมืองลับแล ที่ไม่ได้มีแค่ทุเรียนพันธุ์หลงและหลินลับแล ข้าวพันผัก ขนมเทียนเสวย หรือสับปะรดห้วยมุ่นแสนอร่อย แต่จะพาขึ้นดอยไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่ ครอบคลุมทั้งอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีเทือกเขาสลับซับซ้อน และความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,500 เมตร จึงทำให้ที่นี่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี โดยอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 13 องศาเซลเซียส จึงทำให้ “ภูสอยดาว เป็นจุดหมายที่ต้องปักหมุด” และด้วยพื้นที่ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงามรวมทั้งบรรยากาศดี ๆ ที่รายล้อม จึงทำให้ภูสอยดาวเป็นหนึ่งใน Thailand’s Top Destinations สุดยอดแห่งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ต้องห้าม ! (พลาด)

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวก็มีหลากหลาย น่าไปพักพิงกายให้สดชื่น อาทิ น้ำตกภูสอยดาว ที่อยู่ใกล้กับที่ทำการอุทยาน ฯ ซึ่งมีน้ำไหลผ่านตลอดปี และน้ำตกสายทิพย์ ที่แม้จะมีขนาดเล็ก แต่สภาพป่าโดยรอบน้ำตกมีความชุ่มชื่นสูงมาก จึงมีพืชต้นจิ๋วที่ขึ้นในพื้นที่หนาวเย็นและชื้น ตระกูลมอสสีเขียวเข้มขึ้นปกคลุมไปทั่วบริเวณ โดยเฉพาะตามก้อนหินริมน้ำ และยังมีทุ่งดอกไม้ในป่าสนที่นอกจากจะมีป่าสนสามใบที่ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ แล้วยังมีดอกไม้นานาพันธุ์ สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันอวดโฉมตามฤดูกาล โดยเฉพาะ “ดอกหงอนนาค” ไฮไลท์ของภูสอยดาวที่จัดว่าเป็นราชินีของผืนป่าแห่งนี้ก็ชูช่อรอให้นักท่องเที่ยวไปชมความงาม และยังมีดอกสร้อยสุวรรณา ดอกกระดุมเงิน กล้วยไม้รองเท้านารี อินทนนท์ และต้นเมเปิ้ลใบสีแดงสวยงามกลางป่าผืนใหญ่อีกด้วย

ในส่วนของลานสนสามใบที่ยืนต้นสูงตระหง่าน และมีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาแล้ว ก็ยังมีเสาหลักเขตชายแดนไทย – ลาว ที่ตั้งอยู่ด้านหลังลานกางเต็นท์ โดยบนลานสนแห่งนี้ ต้องเดินเท้าจากน้ำตก ภูสอยดาว จึงจะมาถึงแต่รับรองว่านักท่องเที่ยวจะไม่เสียดายเวลาและหยาดเหงื่ออย่างแน่นอน เพราะวิวทิวทัศน์ ระหว่างทางเดินนั้น จะทำให้เราเพลิดเพลินและหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง และที่นี่ยังมีจุดชมพระอาทิตย์ก่อจะลาลับขอบฟ้าที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งด้วย ที่สำคัญทางอุทยาน ฯ มีเจ้าหน้าที่ช่วยนำทาง และลูกหาบไว้บริการด้วยนะคะ แต่เราต้องติดต่อจากจุดบริการนักท่องเที่ยวด้านล่างก่อนจะขึ้นบนภู หากต้องการค้างคืนก็ต้องเตรียมเต็นท์และอาหารไปให้พร้อมค่ะ ส่วนคนที่อยากซื้ออาหารสำเร็จก็มีร้านค้าอยู่ตรงทางขึ้นภูไว้บริการ

หากเพื่อน ๆ อยากมานอนเต็นท์ รับลมชมดาวสัมผัสอากาศหหนาวเย็นยะเยือกและดูทางช้างเผือก ที่เน้นช่วงหน้าหนาว เพื่อให้ท้องฟ้าเปิดและมองเห็นดาวได้ชัดเจน ก็สามารถติดต่อสอบถาม อช.ภูสอยดาว ได้โดยตรงที่เบอร์ 095-6299528 และ 055-436 001 – 2 (เวลา 08.00-16.30 น.) และเพจ FB: อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว – Phu soi dao National Park ส่วนใครที่อยากได้ฟีลแบบบ้านพักป่าไม้กลมกลืนกับผืนป่า ก็สามารถจองได้ ผ่านเว็บไซต์ https://nps.dnp.go.th/

สำหรับการเดินทางนั้นก็สามารถ ไปได้ 2 เส้นทาง คือ จากจังหวัดพิษณุโลก ผ่านทางอำเภอชาติตระการ หรือจะใช้เส้นทางจากจังหวัดอุตรดิตถ์ ไปทางอำเภอน้ำปาด ก็ได้ค่ะ ส่วนเพื่อน ๆ ที่เดินทางด้วย รถโดยสารสามารถนั่งรถทัวร์จากหมอชิตไปลงที่พิษณุโลก และต่อรถสองแถว เพื่อมายัง อช.ภูสอยดาว ได้โดยง่าย
หวังว่าอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จะเป็นอีกหนึ่งทริป ที่น่าสนใจ และอยู่ในความทรงจำอันสวยงามของเพื่อน ๆ นะคะ ขอบอกว่า “ไม่ไป…ไม่ได้แล้ว”
รองเท้าแก้ว รายงาน
ขอบคุณภาพจาก # เพจ FB: อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว Phu soi dao National Park

