หน้าแรกการเมืองกมธ.พัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา ฟังเสียงสะท้อนประชาชน "แลนด์บริดจ์" กระทบสิ่งแวดล้อม-อาชีพ

กมธ.พัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา ฟังเสียงสะท้อนประชาชน “แลนด์บริดจ์” กระทบสิ่งแวดล้อม-อาชีพ

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2568 เพจเฟซบุ๊กนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) รายงานว่า ที่โครงการพัฒนาท่าเรือบริเวณแหลมริ่ว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ร่วมรับฟังข้อมูลผลกระทบจากโครงการแลนด์บริดจ์ ระนอง-ชุมพร จากนายอภิศักดิ์ ทัศนี หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Beach for Life โดยเกี่ยวข้องกับตะกอนในทะเล ปัญหาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการศึกษาผลกระทบของโครงการ และกองทุนที่โครงการเตรียมไว้ ซึ่งเขามองว่าไม่สามารถเยียวยาผลกระทบได้จริง

นายอภิศักดิ์ อธิบายว่า การศึกษาโครงการนี้ค่อนข้างมีปัญหามากในเรื่องการทำ EHIA เนื่องจากพื้นที่ตั้งอยู่ในเขตทะเลน้ำตื้นที่อยู่ห่างฝั่งไม่มากเมื่อเทียบกับการก่อสร้างในพื้นที่อื่นที่น้ำลึกกว่า ส่งผลให้ต้องทำการขุดลอกค่อนข้างมาก ในช่วงแรกมีการนำตะกอนดินจากการขุดลอกมาถมที่ท่าเรือ แต่พอผ่านไปร่องน้ำก็จะตื้นขึ้นตามธรรมชาติ การบำรุงรักษาร่องน้ำไม่ได้มีการถูกพูดถึงในรายงานการศึกษาเลย ดังนั้น ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคือการขุดลอกตะกอนจะมีเป็นปริมาณมาก

นายอภิศักดิ์ ยังกล่าวถึงเรื่องทิศทางกระแสน้ำส่วนใหญ่มีทั้งขึ้นเหนือและลงใต้ ในแบบจำลองทางคณิตศาสตร์พบว่าตะกอนจะคลุมไปจนถึงเกาะคาม ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ จ.ชุมพรและมีแหล่งประการังที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ รวมทั้งบริเวณดังกล่าวยังเป็นแหล่งอนุบาลของสัตว์น้ำ ดังั้นประเด็นเรื่องตะกอนจึงเป็นประเด็นสำคัญของฝั่งระนอง-ชุมพร หากมีการขุดลอกมากขนาดนี้อาจกระต่อระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารทั้งหมด.ส่วนตัวไม่เชื่อการใช้ม่านดักตะกอนในโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้จะมีประสิทธิภาพเพียงพอ จากบทเรียนของโคงการในพื้นที่อื่นชี้ให้เห็นแล้วว่าไม่มีพื้นที่ใดที่ม่านดักตะกอนไม่สามารถดักได้ 100% ส่งผลให้ตะกอนันฟุ้งทั่วแนวอ่าวและอาจมีผลกระทบกับปะการัง

ประเด็นต่อมาเรื่องที่เป็นปัญหาของรายงานการศึกษาคือวิธีการเก็บข้อมูลผ่านการร่อนดินเพื่อตรวจสิ่งมีชีวิตหน้าดิน พบว่าพบวิ่งมีชีวิตจำนวน 1 ชนิดเท่ากันในการตรวจสอบ 4 ครั้ง แต่ในรายงานที่ศึกษาคู่ขนานของภาคประชาชนพบสิ่งมีชีวิตกว่า 108 ชนิด ซึ่งตัวเลขสัตว์ที่มีจำนวนมหาศาลนั้นสะท้อนว่าใต้พื้นทะเลมีอาหารของสัตว์น้ำ

สำหรับประเด็นเรื่องการมีส่วนร่วมในเวที ค.2 พบว่ากลุ่มย่อยทั้งหมดในบันทึกการประชุมเป็นข้าราชการ ขณะที่ประชาชนในพื้นที่แทบรวมถึงชาวบ้านที่ประกอบอาชีพไม่มี ไม่มีการพบกับกลุ่มอาชีพ พบกับชาวประมงแเพียง 1-2 ครั้ง

ท้ายที่สุดคือเรื่องกองทุนภายใต้ พรบ. SEC พื้นที่นี้ถูกวางไว้ 2 กองทุน รวมวงเงินประมาณ 130 ล้าน ซึ่งพบว่าหากคำนวณแล้วการจ่ายค่าชดเชยรายได้ที่เสียไปให้ชาวบ้านจากกองทุนนี้นั้นไม่เพียงพอ และน้อยมากเมื่อนำทุกกลุ่มอาชีพมารวมกัน ดังนั้นโครงการนี้จึงไม่สามารถชดเชยให้ผู้ใดได้เลยหากเกิดผลกระทบในพื้นที่นี้

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img