นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกรณีกระบวนการขั้นตอนการทำประชามติเพื่อเปิดทางการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ออกมา เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 หลายฝ่ายยังคงมีข้อกังวล เพราะไม่เพียงแต่เป็นการวินิจฉัยถึงขั้นตอนกระบวนการจัดทำประชามติตามที่สมาชิกรัฐสภาได้ยื่นคำร้องไปเท่านั้น แต่ยังมีการวินิจฉัยเพิ่มเติมถึงที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ด้วยว่าไม่สามารถได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของพี่น้องประชาชนได้ อย่างไรก็ตามแม้คำวินิจฉัยดังกล่าว จะไม่ใช่ประเด็นที่อยู่ในคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่คำวินิจฉัยดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันทุกองค์กร

พรรคเพื่อไทยจึงเสนอแนวทางในหารแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยจะเสนอแนวทางการตั้ง สสร. หรือ กมธ. ที่มีความเกี่ยวข้องยึดโยงและสะท้อนถึงเจตนารมณ์ความต้องการของประชาชนมากที่สุด ซึ่งขณะนี้พรรคได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมามาศึกษาพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมก่อนจะเสนอญัตติต่อรัฐสภาต่อไป ตามที่ได้มีการแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งพรรคเพื่อไทย จะดำเนินการในทุกหนทางเพื่อนำไปสู่การเปิดทางไปสู่การทำประชามติถามพี่น้องประชาชนและนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเร็วที่สุด
ขณะนี้หลายฝ่ายกังวลเป็นอย่างยิ่งว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การทำประชามตินั้นจะทันเวลาตามกรอบ MOA ของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เนื่องจากในทางปฏิบัติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อเพิ่มเติมหมวด 15/1 นั้นจะต้องทำโดยการพิจารณาร่วมของรัฐสภา และจะต้องพิจารณาผ่านทั้งสามวาระ โดยจะต้องบรรลุเงื่อนไขการเห็นชอบโดย สว. ตามที่มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เมื่อกระบวนนี้แล้วเสร็จ ก็จะต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติอีกครั้งว่าเห็นชอบกับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่ด้วย ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองว่ากระบวนการอาจยาวนานกว่า 4 เดือน
“ขณะนี้ได้เกิดคำถามย้อนกลับไปที่พรรคประชาชน ยังคงมั่นใจอยู่หรือไม่ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและประชาชนจะได้ออกเสียงประชามติทันในระยะเวลา 4 เดือนที่พวกท่านได้กำหนดเอาไว้เองหรือไม่ และที่สำคัญสถานะของ MOA ทั้ง 5 ข้อ ที่ได้จัดทำร่วมกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยให้ได้นั้น จะเหลือเป็นจริงได้กี่ข้อ และแม้แต่ข้อที่ประกาศว่าจะขอทำหน้าที่ฝ่ายค้าน โดยไม่ขอเข้าร่วมรัฐบาลที่จัดตั้งนั้น ก็เริ่มมีหลายฝ่ายตั้งคำถามแล้วว่า ท่านเป็นฝ่ายค้านจริงหรือไม่ เพราะภารกิจสำคัญหลังจากนี้คือเป็นพรรคการเมืองที่ต้องคอยรักษาองค์ประชุมให้กับรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย”
“ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการเปิดทางไปสู่การทำประชามติสอบถามพี่น้องประชาชนมีโอกาสเป็นจริงได้ให้มากที่สุด พรรคประชาชนควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการเดินเข้าไปพูดคุยกับ ท่านอนุทิน แล้วก็ฝากท่านอนุทิน ไปคุยกับ สว. ที่หลายๆ ท่านเรียกกันว่า สว.สีน้ำเงิน ว่าวันนี้แนวทางที่พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่ม หมวด 15/1 นั้น สว.ของท่าน เห็นด้วยในเรื่องนี้หรือไม่” นายดนุพร กล่าว
นายดนุพร แถลงต่อถึงกรณีที่หลายฝ่ายได้ออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับบุคคลที่เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี รัฐบาลพรรคภูมิใจไทยว่า MOA พรรคประชาชน – พรรคภูมิใจไทย ที่มีข้อตกลงสำคัญคือการยุบสภาภายใน 4 เดือน แต่ขณะนี้รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ที่พรรคประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้งขึ้นมานั้น ไม่เพียงล้มเลิกโครงการช่วยเหลือประชาชนหลายด้าน ยังมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็ค เหมือนจะไม่ได้อยู่แค่ 4 เดือนหรืออยู่เพื่อยุบสภาจริงหรือไม่
ที่สำคัญ รายชื่อบุคคลที่จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรี ยังสร้างความกังวลให้กับสังคม โดยเฉพาะบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งในกระทรวงยุติธรรม ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นอดีตข้าราชการที่เติบโตมาจากพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และมีส่วนเชื่อมโยงใกล้ชิดกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาในขบวนการฮั้ว สว. ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนอยู่ เรื่องนี้พรรคประชาชนจะส่งสัญญาณอย่างไร
รวมทั้งมีกระแสข่าวพรรคภูมิใจไทย จะครอบครองกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีอำนาจกำกับดูแลกรมที่ดิน และครอบครองกระทรวงคมนาคม ที่มีอำนาจกำกับดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการทวงคืนที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ คืนเป็นของหลวง จึงเป็นเรื่องน่ากังวลว่า เรื่องที่ดินเขากระโดง และเรื่องคดีฮั้ว สว. จะเดินต่อไปอย่างไร
พรรคเพื่อไทย คงไม่เรียกร้องอะไรต่อพรรคภูมิใจไทย เพราะที่ผ่านมาสังคมได้พูดถึงและความกังวลต่อทั้งเรื่องเขากระโดงและการตรวจสอบขบวนการฮั้ว สว. มาอย่างต่อเนื่อง แต่แกนนำรัฐบาลก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่สำหรับพรรคประชาชนในฐานะที่ท่านเป็นคนดีลกับพรรคภูมิใจไทยนั้น ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้
“หากมีรายชื่อท่านใดที่ท่านไม่สบายใจ เป็นรายชื่อที่ท่านได้เคยตรวจสอบมา ผมเรียนว่าท่านควรส่งสัญญาณไปยังพรรคภูมิใจไทยอย่างชัดเจน ว่าท่านสบายกับว่าที่รัฐมนตรีท่านไหน ไม่สบายใจกับรัฐมนตรีท่านไหน เพื่อจะทำให้ MOA ที่ท่านเชื่อถืออย่างมาก ที่ท่านบอกเองว่าท่านจะเป็นฝ่ายค้าน และท่าก็เรียกร้องให้เราเป็นฝ่ายค้านร่วมกับท่าน วันนี้พรรคเพื่อไทยก็ขอเรียนร้องไปยังท่านด้วย ให้ท่านเป็นฝ่ายค้าน แม้จะเป็นฝ่ายค้านที่ร่วมตั้งรัฐบาลภูมิใจไทย ท่านต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้”
นอกจากนี้ ดนุพร ยังกล่าวถึงประเด็นข้อวิจารณ์ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ อดีตนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง และกรณีที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ถูกส่งตัวเข้าไปบังคับโทษในเรือนจำอีกครั้ง ซึ่งมีทั้งนักวิชาการ และนักการเมือง ได้ออกมาชี้ว่า วันนี้เป็นช่วงเวลาขาลงขอพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งข้างหน้าจะเหลือไม่ถึง 100 เสียง หรือต่ำกว่า 50 เสียง
“ผมเรียนว่า พรรคเพื่อไทยมีความเป็นสถาบันทางการเมือง ผมไม่ตอบโต้ เราขอน้อมรับคำวิจารณ์ต่างๆ เพื่อจะเอาไปพัฒนาพรรคเราให้ดีขึ้น และผมขอเรียนไปยังโหวตเตอร์ของพรรคเพื่อไทย คนที่ยังศรัทธาและรักในพรรคเพื่อไทย ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราประสบกับวิกฤติทางการเมือง เราถูกรัฐประหารมา 2 ครั้ง ถูกยุบพรรคมา 2 หน แต่ทุกครั้งเราลุกขึ้นยืนกลับมาได้อย่างเข้มแข็ง” นายดนุพร กล่าว

