รัฐสภา, วันที่ 5 กันยายน – กัลยพัชร รจิตโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เสนอร่าง พ.ร.บ.อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และแนวหน้าสุขภาพ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยเป็นการพิจารณาร่วมกับร่างที่มีเนื้อหาทำนองเดียวกันที่เสนอโดย ครม. และพรรคการเมืองต่างๆ รวม 7 ฉบับ โดย กัลยพัชร กล่าวว่า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นกำลังสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน ปัจจุบันมีบุคลากรกว่า 1.09 ล้านคน มีความสำคัญในฐานะเครือข่ายสาธารณสุขที่อยู่ใกล้ตัวใกล้ใจและเข้าถึงประชาชนมากที่สุด ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันความสำคัญของแนวหน้าสุขภาพจะยิ่งมีมากขึ้น อสม. จำเป็นต้องมีทักษะเพิ่มเติมตามสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็น แนวหน้าผู้สูงอายุ แนวหน้าสุขภาพจิต แนวหน้าการดูแลแบบประคับประคอง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาระบบสุขภาพยังไม่มีการเพิ่มพูนความรู้ทักษะ อสม. อย่างเพียงพอ อสม. หลายพื้นที่ยังคงขาดการสนับสนุนงบประมาณและเครื่องมือการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพอย่างทั่วถึง สิ่งสำคัญที่ร่างของพรรคประชาชนแตกต่างจากร่างอื่น คือพรรคส่งเสริมพัฒนาบุคลากรดูแลสุขภาพในชุมชน ยกระดับให้เป็นแนวหน้าสุขภาพ โดยจัดระบบจูงใจและระบบฝึกฝนอบรม อสม. ให้มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น ปฎิบัติหน้าที่สร้างเสริมสุขภาพอยู่กับชุมชน และสถานพยาบาลแบบปฐมภูมิที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เป็นหลัก เพื่อคัดกรอง ฟื้นฟู และดูแลสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ทั่วถึง และเท่าเทียม

กัลยพัชร กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขของ ปชน. ได้แก่ (1) เพิ่มเติมแนวหน้าสุขภาพ คืออาสาสมัครที่ผ่านการพัฒนาความรู้ ทักษะ ฝีมือที่จำเป็นสำหรับการดูแลสุขภาพชุมชน (2) จัดตั้งคณะกรรมการเป็น 2 ระดับควบคุมกำกับกิจการ อสม. และแนวหน้าสุขภาพตามหน้าที่ ประกอบด้วยที่ส่วนกลาง 2 คณะ คือคณะกรรมการนโยบาย และคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐาน ส่วนคณะที่สาม อยู่ที่ระดับจังหวัดและเขตปกครองพิเศษ เช่น กทม.
(3) สนับสนุนการกระจายอำนาจโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นครั้งแรกที่จะมีตัวแทนของ อสม. เข้าไปร่วมในคณะกรรมการระดับประเทศเพื่อมีส่วนร่วมในการออกแบบนโยบาย มาตรฐาน หลักสูตรการเรียนรู้ การประเมินการปฎิบัติงาน เพื่อให้พันธกิจของ อสม. ตอบโจทย์การสร้างเสริมสุขภาพในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น เพราะไม่มีใครเข้าใจปัญหาในพื้นที่ได้ดีกว่าบุคลากรหน้างาน และสำหรับคณะกรรมการระดับจังหวัด เราเสนอให้นายก อบจ. เป็นประธาน เพราะมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน ต่างจากร่างอื่นที่เป็นนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด หรือผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากการแต่งตั้ง เพื่อเพิ่มความมีส่วนร่วมของประชาชน
(4) กำหนดมาตรฐานการปฎิบัติงานและสมรรถนะของ อสม. ด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์คัดเลือก การสร้างหลักสูตรการเรียนรู้ และจัดให้มีการประเมินสมรรถนะทุก 3 ปีสำหรับแนวหน้าสุขภาพ เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ต่อเนื่อง (5) กำหนดให้กระทรวงสาธารณสุขกำหนดสิทธิประโยชน์เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ อสม. ในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ

