กรุงเทพฯ วันที่ 2 ก.ย.68 เวลา 09.30 นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงจุลสาหร่ายเพื่อผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนและผลิตอาหารสัตว์จากกากจุลสาหร่าย ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) โดย นายประยูร อินสกุล ปลัด กษ. บริษัท แอดวานซ์ ไบโอคาร์บอน จำกัด โดย นางสาวปิ่นมณี แก้วดวงสี กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) โดย นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยการลงนาม MOU ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยงจุลสาหร่าย การสกัดน้ำมันจากจุลสาหร่าย และการผลิตอาหารสัตว์จากกากจุลสาหร่ายรวมถึงเป็นกรอบความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ระหว่างคู่ความร่วมมือและส่งเสริมการสร้างคุณค่าและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืน

“ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในการใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้ง ยังเปิดโอกาสให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานสะอาด พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เพิ่มมูลค่าสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชนเกษตรกร ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานและการเกษตรของประเทศไทย นับเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จจะก่อให้เกิดนวัตกรรมที่มีคุณค่าทั้งด้านพลังงาน เกษตรกรรม และสิ่งแวดล้อมนำพาประเทศไทยก้าวไปสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน” รมว.เกษตรฯ กล่าว
นายอรรถกร กล่าวต่อด้วยว่า ทั้งสามฝ่ายพร้อมผนึกกำลังในการขับเคลื่อนในการพัฒนา “จุลสาหร่าย”ทั้งในด้านกรอบการวิจัย การพัฒนา การแบ่งปันข้อมูล การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ความร่วมมือทางวิชาการ รวมทั้งการร่วมกันผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ที่เหมาะสม โดยในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะดำเนินการในการร่วมพิจารณาและวิเคราะห์แนวทางการบริหารจัดการและเทคโนโลยีด้านการเพาะเลี้ยงและสกัดน้ำมันจากจุลสาหร่าย รวมทั้งการผลิตอาหารสัตว์ พร้อมทั้ง ประสานงานและเจรจากับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โครงการเป็นรูปธรรมและเกิดประสิทธิภาพต่อไป

“หนึ่งในนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่สมัยร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า คือ ตลาดจะต้องนำเอานวัตกรรมมาเสริมเพื่อสร้างอาชีพให้กับพี่น้องเกษตรกร จึงเป็นที่มาของวันนี้ ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะร่วมมือกับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ บริษัทที่มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า และบริษัทที่สามารถเชื่อถือได้ปัจจุบันเทรนด์ของโลกให้ความสำคัญกับการหาพลังงานทดแทนและการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมถึงประเทศไทยของเรา ดังนั้นหากเราไม่เริ่มวันนี้ ก็คงไม่รู้ว่าจะเริ่มเมื่อใด เพราะแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านก็ให้ความสำคัญและดำเนินการเรื่องพลังงานสะอาดกันแล้วหลายประเทศ” นายอรรถกร กล่าว
ทั้งนี้ ตนขอฝากถึงผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ช่วยกันสนับสนุนและร่วมศึกษาว่า จะทำอย่างไรเพื่อสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรไทย และที่สำคัญในอนาคต เรื่องนี้เราจะเดินหน้าไปด้วยกันอย่างจริงจัง โดยขอให้คำนึงถึงพี่น้องเกษตรกรเป็นลำดับแรกครับนายอรรถกรกล่าว

