“กัณวีร์” ย้ำ ไทยต้องไม่ละเมิด “13 ข้อตกลงหยุดยิง” เพราะเป็นความหวังผู้อพยพกว่า 2 แสนคน

892

กรงุเทพฯ, วันที่ 11 ส.ค. – นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงการลงนามข้อตกลงหยุดยิงระดับรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมในการประชุม GBC ไทยและกัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 7 ส.ค.68 ว่า ผ่านมา 4 วันแล้ว สำหรับการกำหนดแนวสำหรับกองทัพและทหารตามแนวชายแดนของทั้ง 2 ประเทศในการหยุดยิง รวมถึงกลไกในการตรวจสอบที่จะมีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวผู้ช่วยทูตทหารอาเซียน เข้าไปร่วมตรวจสอบด้วย และที่สำคัญคือการให้ทั้งสองประเทศได้กลับมาพูดคุยในกรอบกลไกทวิภาคี ในระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC)

“ผมจึงไม่อยากให้ทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายไทยของเราลืม 13 ข้อตกลงนี้ และไม่เป็นฝ่ายที่ละเมิดเสียเอง เพราะข้อตกลงนี้กลายเป็นความหวังของประชาชนชายแดนนับแสนคนที่ต้องอพยพออกจากบ้านกว่า 2 สัปดาห์” สส.พรรคเป็นธรรม กล่าว

นายกัณวีร์ กล่าวว่า ประชาชนแนวหลังที่ต้องทิ้งบ้านเรือนให้กลายเป็นสนามรบ แล้วไปอยู่ในศูนย์พักพิงคือผู้เสียสละที่สำคัญอีกกลุ่มหนึ่งนอกจากทหารแนวหน้า ในโลกนี้ไม่มีใครอยากกลายเป็นผู้อพยพ หรือผู้ลี้ภัย และในทุกๆ สงครามไม่มีใครเป็นผู้ชนะทั้งสิ้น เพราะทุกคนทุกฝ่าย คือผู้สูญเสีย หลายคนต้องสูญเสียชีวิตคนในครอบครัว หลายคนต้องสูญเสียบ้าน ที่สวน ไร่นา ที่ยังมีระเบิดตกค้างอยู่เต็มไปหมด ยังต้องถามหาความปลอดภัยที่จะกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ดังนั้นหากเรายังหาทางที่จะให้การสู้รบยุติไม่ได้ ประชาชนตามชายแดนเหล่านี้คือผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด

นายกัณวีร์ ระบุว่า หากเราจริงใจที่จะเห็นสันติภาพที่แท้จริง ก็ขอให้ทุกฝ่ายระมัดระวังไม่กระทำการใดที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเสียเอง เพราะไม่เป็นผลดีต่อการแก้ไขปัญหา และอยากย้ำ 13 ข้อตกลงให้เราได้เรียนรู้ร่วมกันว่ามีสิ่งใดบ้างที่ไม่ควรทำ ได้แก่ 1. ยุติการใช้อาวุธทุกประเภทในการโจมตีทุกพื้นที่และทุกกรณี 2. รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย 3. ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา  4.ไม่กระทำการยั่วยุ สร้างความตึงเครียด เช่นการมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน

สส.พรรคเป็นธรรม กล่าวว่า 5. ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี 6.ปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา กรณีผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ 7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธจะต้องหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์ 8. ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่ รวมทั้งช่องทางการติดต่อสื่อสารโดยตรงระดับรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองประเทศ และจัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์นับจากการประชุม GBC (7 ส.ค. 68)

นายกัณวีร์ กล่าวว่า 9. งดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ 10. ต้องดำเนินการตามผลหารือเมื่อ 28 ก.ค. 68 ซึ่งรวมถึงการหยุดยิง และการมีคณะผู้สังเกตการณ์จากอาเซียน 11. เห็นชอบให้ RBC ในแต่ละพื้นที่ ดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง โดยมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน ซึ่งนำโดยมาเลเซียเป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์ 12.ระหว่างการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน ให้ใช้กลไกคณะผู้สังเกตการณชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประเทศสมาชิกอาเซียน ประจำประเทศไทย และกัมพูชา ทำหน้าที่แทน และ 13. ให้จัดการประชุม GBC ในหนึ่งเดือนหลัง 7 ส.ค.68  “ท่องไว้ให้มั่นครับทั้ง 13 ข้อ คงไปบังคับใครไม่ได้ แต่เราต้องบังคับตัวเองให้ได้ครับ”