ทีมข่าว NBT Connext สำรวจพื้นที่การค้าขายตลาดการค้าชายแดนช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ พบว่าร้านค้าบางส่วน ร้านสะดวกซื้อ และสถานีบริการน้ำมันเปิดให้บริการตามเวลาที่แต่ละประกอบการกำหนดไว้

ส่วนตลาดการค้าชายแดน ซึ่งเป็นสถานที่จำหน่ายสินค้า พื้นถิ่น ยังไม่ได้เปิดให้บริการ ทุกร้านยังคงปิดพื้นที่
ขณะที่ริมถนนซึ่งเป็นกลุ่มพ่อค้า แม่ค้า ชาวไทย บางร้านเปิดจำหน่าย เช่น เนื้อสัตว์ และของสด สำหรับสินค้าของฝากที่ระลึกมีเพียงเปิด 1-2 ร้าน เท่านั้น
เราได้พบกับ ‘ ดวงรัตน์ สุปูนทน ’ แม่ค้าขายของฝาก จำพวก ตะกร้า เสื่อ และของใช้ในบ้าน จึงเข้าไปพูดคุย
‘ ดวงรัตน์ ’ บอกว่า เพิ่งจะเปิดร้านวันนี้(9/8/67) วันแรก เข้ามาเก็บกวาดทำความสะอาด เพราะต้องออกไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย เกือบ 2 สัปดาห์ เธอ ยอมรับว่า วันนี้ ยังมีความกังวลอยู่ เพราะเหตุปะทะปี 2568 ในพื้นที่อำเภอกาบเชิง หนักกว่าเมื่อปี 2554 และสถานการณ์ยังไม่ปกติ จึงยังไม่รู้ว่าวันข้างหน้า จะเป็นอย่างไร แต่ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลา และคอยฟังการแจ้งเตือนจากทางส่วนราชการเป็นหลัก

‘ เราไม่คิดว่าด่านชายแดนช่องจอม จะมีสถานการณ์จนถึงวันนี้ เนื่องจากเหตุปะทะเมื่อปี 2554 และเงียบหายไป จึงทำให้ชาวบ้านในพื้นที่คิดว่าไม่มีเหตุอะไรแล้ว เพราะทุกอย่างถูกพัฒนาความสัมพันธ์มาอย่างต่อเนื่องของคนชายแดน ’ ‘ ดวงรัตน์ ’ กล่าวและว่า
ก่อนเกิดสถานการณ์ในปี 2568 ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับการแจ้งข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ให้เฝ้าระวังและเตรียมตัวให้พร้อมมาเป็นระยะ จนกระทั่งวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะเก็บของภายในร้าน ต้องรีบปิดร้านออกจากพื้นที่ เพราะกระสุนอาวุธหนักถูกยิงจากฝั่งกัมพูชาข้ามหลังคาร้านไปลงในหมู่บ้าน ทำให้เด็กเสียชีวิต เป็นอะไรที่สะเทือนใจมาก
‘ ดวงรัตน์ ’ ระบุว่า ตอนนี้อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะคนที่นี่บอบช้ำมาก ทำมาหากินอะไรไม่ได้เลย มาเปิดร้านวันนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีใครมาซื้อหรือไม่ เพราะคนที่มาเที่ยวด่านชายแดนช่องจอม ส่วนใหญ่เป็นคนไทย กรณีเรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อยากให้แก้ไขให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น เพราะคนที่ลำบาก คือ คนที่อยู่ชายแดน สิ่งสำคัญความรู้สึกที่ดีต่อกันตามแนวชายแดนของคนไทย และกัมพูชา ยิ่งแต่จะมีหมดหายไป คนชายแดนไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น เพราะคนกัมพูชาที่เป็นคนดีก็มีเยอะ เข้ามาทำมาหากิน และค้าขายร่วมกับคนไทย เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นมีจำนวนมาก มีเพียงบางส่วนที่ไม่เข้าใจกัน แล้วทำให้เกิดปัญหาบานปลายจนถึงทุกวันนี้
‘ คนชายแดนยังยืนหยัดอยู่ข้างทหาร หากเป็นไปได้ ทำให้มันเด็ดขาด เจ็บแต่จบ คนชายแดนก็พร้อม จะได้ไม่ต้องยืดเยื้อ และอยากจะบอกคนที่ที่อยู่นอกพื้นที่ด้วยว่า ชาวกัมพูชาที่เค้าไปทำงาน หากเค้าไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้เรา ไม่ได้มาทำอะไรเรา อย่าไปหาเรื่องเขา ให้เค้ามีที่ยืนบ้าง เพราะคนกัมพูชาไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นคนไม่ดี อยากให้คนไทยแยกแยะตรงนี้ด้วย จะได้ไม่เสียภาพพจน์หรือถูกมองว่าเป็นคนโหดร้าย หากชาวกัมพูชาเป็นคนไม่ดีให้ทางการดำเนินการตามกฏหมายไป ’ ดวงรัตน์ กล่าว

เมื่อเปิดด่านพรหมแดม ‘ ดวงรัตน์ ’ ยอมรับว่า ความไว้วางใจกันและกันของคนไทย-กัมพูชา ลดน้อยลง หรือแทบไม่ไว้ใจกันเลยแน่นอน ยกตัวอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเห็นได้ชัด ชาวกัมพูชา เคยค้าขายกัน เคยพูดกัน วันนี้สิ่งที่เค้าทำให้เห็นผ่านทางโซเชียล มันยากที่จะทำให้ความสัมพันธ์กลับมาเหมือนเดิม โดยส่วนตัวจะเลือกพูดคุยกับคนที่นิสัยดี และไม่ให้ร้ายประเทศไทย
หากมีโอกาสได้สื่อสารกับคนกัมพูชาด้วยการนั่งคุย ตัวเองจะบอกว่าเราไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียดประชาชนชาวกัมพูชา ที่ทำมาหากินด้วยกัน แต่เหตุที่เกิดขึ้นต้องไปดูว่าเกิดจากใคร เพราะอะไรฉะนั้นประชาชนด้วยกันเองที่อยู่ตามแนวชายแดนจะเข้าใจ นี่คือความเป็นจริงที่อยู่ร่วมกันมาหลาย 10 ปี และก่อนเกิดเหตุได้มีการทำความเข้าใจกับคนค้าขายชาวกัมพูชาแล้วว่า เราประชาชนไม่ใช่คู่ขัดแย้ง อยากให้คนและสังคมภายนอกพื้นที่เข้าใจคนชายแดนด้วย
เรื่อง : เสกสม แจ้งจิต
ภาพ : นพรัตน์ ปั้นทอง

