เมื่อเวลา 09.30 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 – รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะพนักงานสอบสวน ส่งสำนวนคดี “คลิปเสียงสมเด็จ ฮุน เซน สั่งไล่ล่าฝ่ายตรงข้ามในประเทศไทย” จำนวน 50 แผ่น ให้อัยการสูงสุด ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบพิจารณาตามกฎหมาย โดยมี น.ส.ฐิติวดี สินธวณรงค์ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับมอบสำนวน

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า หลังจาก บก.สอท.1 ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ให้ดำเนินการในเรื่องนี้ ตนได้สั่งการให้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้น จากการสอบสวนเชื่อว่าเป็นการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร ตามกฎหมายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 ระบุว่า ให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมายในการพิจารณาสำนวนและสั่งการตั้งคณะสอบสวนต่อไปโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ สภ.บ้านฉาง จังหวัดระยอง เมื่อสิงหาคม ปี 2566 ผู้ที่ถูกทำร้ายตรงกับชื่อในคลิปเสียง คือ นายพร พันนา นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวกัมพูชา ต่อมามีคนร้าย 3 คน ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายพร พันนา จนเป็นเหตุให้ได้อันตรายแก่กายและจิตใจ และจากข้อมูลนายพร พันนา ได้ลี้ภัยไปที่สหรัฐอเมริกา การกระทำของสมเด็จฮุน เซน เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ในคลิปเสียงมีการสั่งให้บุคคลชื่อ ฮวด ชาวกัมพูชา ทำหน้าที่ดำเนินการในประเทศไทย และมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง มีคนทำร้ายและผู้ถูกทำร้ายเป็นไปตามในคลิปเสียง ส่วนคนชื่อ ฮวด ขณะนี้ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในสำนวนการสอบสวน

หลังมีการพิจารณาสำนวนแล้ว หากพบว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริงก็จะมีการออกหมายจับ ในกรณีที่ผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ จะมีการออกหมายแดง โดยประสานความร่วมมือตำรวจสากล ที่มีสมาชิก 196 ประเทศทั่วโลก แต่จะไปถึงขั้นนั้นหรือไม่ ต้องอยู่ในขั้นตอนตามกฎหมายของประเทศไทยก่อน
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนคดีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างสมเด็จ ฮุน เซน กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการประชุมหารือด้วยกับทางสำนักงานอัยการสอบสวนไปแล้วจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ส.ค.นี้
ด้าน น.ส.ฐิติวดี ระบุว่า หลังรับสำนวนจากพนักงานสอบสวน จะส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณา เพื่อให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งส่งสำนวนให้สำนักงานอัยการสอบสวนพิจารณาว่า เป็นคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ ก่อนมีความเห็นเสนอกลับไปให้อัยการสูงสุดทราบ เพื่อพิจารณาสั่งการตั้งคณะพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาสำนวนว่าคดีมีมูลพอฟ้องต่อศาลหรือไม่ เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20

