จากกรณีผู้ประกอบการขนส่งรวมตัวเข้าพบตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อขอให้ช่วยติดตามจับกุมตัว นายสิงหราช หรือ อู๊ด วิชิตพงศ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดหัวหิน ในคดีร่วมกันกรรโชกทรัพย์ หลังรถบรรทุกของบริษัทขนส่งของกลุ่มผู้เสียหาย ถูกนายสิงหราช และพวกกว่า 10 คน แอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) รวมถึงอ้างว่าเป็นลูกน้องของ พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผบช.สตม.) ตรวจค้นดักจับขณะกำลังบรรทุกสินค้าไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ ก่อนทำการข่มขู่รีดไถเงินและเรียกเก็บส่วยเป็นรายเดือนหากไม่ยอมทำตามจะถูกนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกตรวจค้นที่ตั้งบริษัทพร้อมกับยัดยาเสพติดให้ได้รับโทษทางคดีอาญา ตามที่ได้เคยมีการนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว วันนี้ วันอังคารที่ 20 พ.ย.61 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่กลุ่มผู้เสียหายเข้าร้องเรียนนั้นทางด้าน พลตำรวจตรี สุทิน ทรัพย์พ่วง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รรท. ผบช.ก.) จึงสั่งการให้ พันตำรวจเอก จิรภพ ภูริเดช รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม (รรท. ผบก.ป.) เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ในสังกัด บก.ป. เพื่อหารือเร่งรัดติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้เป็นการด่วน เนื่องจากนายสิงหราช ได้มีการแอบอ้างชื่อหน่วยงานตำรวจและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในการกระทำความผิด จึงทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจได้รับความเสื่อมเสีย ก่อนจะสั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2,3,4,5 กองปราบปราม (กก.2 ,3 ,4 ,5 บก.ป.) จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการออกไล่ล่าตัวเป็นการด่วน นำโดย พันตำรวจโท พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ รองผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม (รอง ผกก.2 บก.ป.) พร้อมด้วย พันตำรวจโท วิวัฒ จิตโสภากุล รองผู้กำกับการ 3 กองปราบปราม (รองผกก.3 บก.ป.) บูรณการกำลังร่วมกับ กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.)และหน่วยงานอื่นๆในสังกัด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวของกองปราบฯ ได้สืบพบเบาะแสของนายสิงหราช ว่าภายหลังจากก่อเหตุได้หลบหนีไปกบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จังหวัดชัยภูมิ และกำลังจะหลบหนีออกนอกพื้นที่เพื่อไปซ่อนตัวในจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส หมายเลขทะเบียน กข 7763 ยโสธร เป็นยานพาหนะในการหลบหนี ทั้งนี้หลังจากได้รับข้อมูลทางตำรวจกองปราบฯ จึงได้ประสานส่งต่อข้อมูลรูปพรรณสัณฐานนายสิงหราชฯ และ ลักษณะยานพาหนะ ที่ใช้ในการหลบหนี เพื่อให้ช่วยตั้งด่านตรวจสกัดจับผู้ต้องหารายนี้
กระทั่งเมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.00 น.ของวันเดียวกัน ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ทล.กำลังตั้งด่านตรวจสกัดอยู่นั้นได้พบรถยนต์ต้องสงสัยขับผ่านมาในพื้นที่ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ จึงได้ทำการเรียกตรวจสอบ ก่อนจะพบนายสิงหราชอยู่ภายในรถคันดังกล่าวจริง จึงได้ทำการควบคุมตัว ก่อนประสานให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ รับตัวมาทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมยังกองบังคับการปราบปราม ต่อในทันที
โดยในวันพรุ่งนี้ วันที่ 21 พ.ย.61 ทางด้าน พล.ต.ต.สุทินฯ จะเดินทางมาร่วมทำการสอบปากคำผู้ต้องหารายนี้ด้วยตนเองอีกด้วย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติของนายสิงหราช พบว่า นอกจากกรณีการแอบอ้างชื่อของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ฯ เพื่อใช้ในการข่มขู่รีดไถเงินและเก็บส่วยกับเหยื่อที่เป็นผู้ประกอบการขนส่งเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2561 แล้วนั้น ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือน ก.พ. 2561 ที่ผ่านมา นายสิงหราช ยังได้แอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศนายดาบ สังกัด บชก. พร้อมกับอ้างชื่อของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เพื่อกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวกับกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งรายอื่นด้วยเช่นกัน โดยการอ้างว่าตนเองเป็นผู้ทำหน้าที่เก็บส่วยรถบรรทุกส่งต่อให้กับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ซึ่งคดีดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ สภ.ปากน้ำปราณฯ และ สภ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนทำให้มีการออกหมายจับดังกล่าว
ทั้งนี้ภายหลังจาก พล.ต.อ.ศรีวราห์ ทราบเรื่องว่ามีการแอบอ้างชื่อของตนเองไปใช้ในการก่อเหตุ ก็ได้ทำการเรียกพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำปราณฯ และ สภ.สามร้อยยอด ที่รับผิดชอบในคดีดังกล่าว เข้าพบ เพื่อสอบถามรายละเอียด และสอบถามความคืบหน้าทางคดีอีกด้วย
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง