ผบช.ภ.2 โชว์ “พัทยาโมเดล” รปภ.เข้มนักท่องเที่ยวอุ่นใจ แนะ บช.ภ.อื่นยึดเป็นต้นแบบ

1004

เชื่อว่านับจากนี้เป็นต้นไป เศรษฐกิจของประเทศที่ทรุดอยู่แล้วจะทรุดหนักกว่าเดิม สาเหตุหลักที่ซ้ำเติม ทั้งภัยสงครามไทยกับกัมพูชา และภัยธรรมชาติที่รุนแรงกว่าเดิม ชาวบ้านหลายจังหวัดทางภาคเหนือต่างประสบเคราะห์กรรมจากภัยธรรมชาติ

รัฐบาลคงจะงัดสารพัดมาตรการออกมากระตุ้น แต่ที่น่าจะกระตุ้นได้รวดเร็วและเห็นผลทันตา คงเป็นมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะมีศักยภาพเต็มเปี่ยม ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและการบริการที่ดีเลิศของคนไทย แต่ช่วงที่ผ่านมากลับประสบปัญหาความไม่ปลอดภัย เป็นปัจจัยทำให้นักท่องเที่ยวจากจีนที่เคยทะลักเที่ยวไทยลดลง


เพื่อขจัดปัญหาให้เบาบางลง ตำรวจจะเป็นกลไกสำคัญในการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ถ้าดูตามหน้างานแล้ว กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 (บช.ภ.1-9) และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแผนงานให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัย

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “ประดู่แดง” อ่านข่าวเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยเมืองท่องเที่ยวของ บช.ภ.2 ภายใต้ชื่อ “พัทยาโมเดล” ผลักดันโดย พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 แล้วน่าสนใจอย่างยิ่ง


พล.ต.ท.ยิ่งยศ ให้รายละเอียดว่า สร้าง “พัทยาโมเดล” ต้นแบบนวัตกรรมสร้างความปลอดภัยในเมืองท่องเที่ยวแบบเชิงรุก ผนึกเทคโนโลยีขั้นสูง ผสานความร่วมมือ ผนวกข้อมูลของตำรวจและท้องถิ่น เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวและชาวพัทยา

“ผลลัพธ์จากการทดลองในพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงปัจจุบันรวม 4 เดือน ผลออกมาดี สถิติการเกิดอาชญากรรมลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ จับกุมคนร้ายตามหมายจับได้มากขึ้น ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ได้รวดเร็วแม่นยำ สร้างความพึงพอใจและเพิ่มความเชื่อมั่นในนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่” ผบช.ภ.2 ระบุ และว่า พัทยาโมเดลใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีชั้นสูงผ่านระบบ AI เชื่อมโยงบิ๊กดาต้ามาใช้ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม

พล.ต.ท.ยิ่งยศ บอกถึงเหตุผลที่เลือกพัทยาเป็นต้นแบบ ว่าพัทยาเป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จึงต้องทำให้เมืองพัทยาเป็นเมืองปลอดภัย น่าเที่ยว และน่าเชื่อถือ ตำรวจต้องปรับตัว คิดและลงมือทำแบบเชิงรุก สร้างความมั่นใจให้ได้ก่อนที่ปัญหาจะเกิด

“ได้ประสานกับเมืองพัทยา และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) สร้างข้อมูลบิ๊กดาต้าครบวงจร มีฐานข้อมูลบุคคลต้องสงสัย บุคคลเฝ้าระวัง และบุคคลตามหมายจับ ทำแผนที่ความเสี่ยงหรือ Crime Mapping เชื่อมต่อกล้องวงจรปิดอัจฉริยะใน 5 จุดพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ เลือกสถานที่ 3 แห่ง 5 จุดสำคัญ คือ 1. ชายหาดพัทยา 2. วอล์กกิ้งสตรีท 2 จุด และ 3. ท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย 1 จุด” พล.ต.ท.ยิ่งยศ ระบุ และว่า มีฟังก์ชันตรวจจับใบหน้าบุคคล หรือ Face Recognition แบบเรียลไทม์ เป็นระบบที่ใช้งานง่าย เคลื่อนที่ได้ สามารถปรับใช้ในอีเว้นต์ต่าง ๆ ได้ โดยมีระบบ Smart Notification แจ้งเตือนทันทีไปยังเจ้าหน้าที่ สามารถจับได้ไว ตั้งแต่เกิดระบบนี้สามารถจับกุมคนร้ายตามหมายจับได้รวดเร็วขึ้นหลายเท่า

พล.ต.ท.ยิ่งยศ บอกอีกว่า มีการใช้นวัตกรรม Crime Dashboard รายงานเหตุ บันทึกอาชญากรรม ตามติดสถิติอาชญากรรมครบในระบบเดียว ช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่าย ลดภาระงาน ลดความผิดพลาด และที่สำคัญมีข้อมูลพร้อมใช้ทันที หลังติดตั้งระบบนี้ สถิติอาชญากรรมในเมืองพัทยาลดลงอย่างเห็นได้ชัด เช่น เหตุทำร้ายร่างกายเดือนมิถุนายนมี 50 ราย ลดจากเดือนเมษายนมี 111 ราย เหตุเกี่ยวกับทรัพย์เดือนเมษายน 81 ราย เดือนมิถุนายนลดลงเหลือ 48 ราย ผลมาจากตำรวจปฏิบัติหน้าที่ได้แม่นยำขึ้น

“พัฒนา “พัทยาโมเดล” ให้สมบูรณ์มี 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่

  1. Crime Prevention by Design – วางโครงสร้างป้องกันเหตุด้วยเทคโนโลยี
  2. AI-Driven Policing – ใช้ AI และ Big Data เป็นหัวใจทุกกระบวนการ
  3. Smart Collaboration – ประสานทุกภาคส่วน ตำรวจ ท้องถิ่น ภาคเอกชน ประชาชน ร่วมสร้างเมืองปลอดภัยร่วมกัน
  4. Tourist Friendly Tech – สร้าง Application / QR Code ให้นักท่องเที่ยวติดต่อขอความช่วยเหลือ แจ้งเหตุง่าย
  5. Rapid Response – ตอบสนองเหตุฉุกเฉินทันที เชื่อมต่อทั้งตำรวจ กู้ภัย และสาธารณสุข” ผบช.ภ.2 ระบุ

เมื่อมองจากรายละเอียดของโครงการ บวกกับผลสำเร็จหลังทดลองใช้ประมาณ 4 เดือน ถือว่าเป็นการทำงานเชิงรุกของ ผบช.ภ.2 ที่มุ่งหวังให้เมืองท่องเที่ยวเป็นเมืองที่ปลอดภัย และเชื่อว่า ผบช.ภ.2 คงจะใช้ “พัทยาโมเดล” ไปใช้ในเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ ใน บช.ภ.2 เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเที่ยวไทยปลอดภัยแน่นอน

ดังนั้น ถ้า ผบช.ภ. อื่นที่มีเมืองท่องเที่ยวสำคัญอยู่ในพื้นที่ นำไอเดีย “พัทยาโมเดล” ไปดำเนินการ จะเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวไทยแน่นอน เมื่อนักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัยทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน ตลาดท่องเที่ยวไทยที่กำลังซบเซาจะฟื้นคืนกลับมา โดยมีตำรวจเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญ

ยิ่งถ้าผลักดันโครงการให้เห็นเป็นรูปธรรมในทางปฏิบัติในจังหวะนี้ นอกจากช่วยการันตีความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวแล้ว ยัง การันตี ให้ “ผบช.ภ.” หรือ ผบก. ที่ไม่อยากถูกปรับย้ายได้นั่งเก้าอี้เดิมได้อีกด้วย!!!