เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากองทัพบก ได้แถลงถึงกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในฝั่ง สปป.ลาว ยืนยันไม่ใช่กระสุนจากฝั่งทหารไทยอย่างแน่นอน มั่นใจทหารไทยสามารถควบคุมการใช้อาวุธ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมได้สัดส่วน อยู่ในกรอบกติกาสากลอย่างเคร่งครัด
แต่ที่ผ่านมามักพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธ สนับสนุน ระยะไกล กระทำต่อเป้าหมายพลเรือนจำนวนมาก ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ในลักษณะเป็นไปโดยเจตนาและจงใจที่จะใช้อาวุธฯ ไปสู่เป้าหมายอื่นที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น การใช้อาวุธฯ ต่อโบราณสถาณ เพื่อมุ่งหวังให้สังคมโลก เข้าใจผิดต่อฝ่ายไทยอย่างมีนัยยะสำคัญ
จนกระทั่งล่าสุด ก็ได้มีการใช้อาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลอย่างปืนใหญ่ เข้าไปในเขต สปป.ลาว ถ้าไม่เป็นไปโดยตั้งใจไม่สามารถผิดเพี้ยนไปได้ไกลขนาดนั้นทั้งนี้คง เพื่อต้องการให้ สปป.ลาว และสังคมโลก เข้าใจผิดต่อฝ่ายไทย เหมือนความพยายามที่ผ่านมา
ซึ่งลักษณะพฤติกรรมดังกล่าว ยังถือเป็นการกระทำการต่อสู้นอกกฎกติกา ขอให้งดเว้นการกระทำในลักษณะดังกล่าว เพราะการกระทำในลักษณะเช่นนี้ ไม่ใช่การกระทำของสุภาพบุรุษชายชาติทหาร เชื่อว่าจะจะมีผลต่อความน่าเชื่อถือกัมพูชาในสายตาของสังคมโลกอย่างแน่นอน
กองทัพบก ได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 09.20 น. ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยได้เปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้วางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย
ตามที่ปรากฏรายงานข่าวว่า 24 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 09.40 น. ได้มีลูกกระสุนปืนใหญ่จำนวน 10 นัด ตกในเขตพื้นที่ของ สปป.ลาว บริเวณสามเหลี่ยมมรกต
กองทัพบก ยืนยันว่า ฝ่ายไทยมีมาตรการควบคุมการใช้อาวุธอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในพื้นที่ประชิดชายแดน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนหรือพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหาร ทั้งนี้ กองทัพบกจะยังคงประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่าย สปป.ลาว เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศต่อไป

