หน้าแรกเด็กและเยาวชน"บุหรี่ไฟฟ้าคือภัย สวมหมวกนิรภัยคือทางรอด" ตำรวจเดินหน้า ป้องกันเด็กและเยาวชนไทย พันภัยจาก "บุหรี่ไฟฟ้า"

“บุหรี่ไฟฟ้าคือภัย สวมหมวกนิรภัยคือทางรอด” ตำรวจเดินหน้า ป้องกันเด็กและเยาวชนไทย พันภัยจาก “บุหรี่ไฟฟ้า”

ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์รายงานว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับกลุ่มอาจารย์ กองบัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยการสนับสนุนจากสำนักขานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดทำโครงการส่งเสริมความปลอดภัยในเด็กและเยาวชน “บุหรี่ไฟฟ้าคือภัย สวมหมวกนิรภัยคือทางรอด” ได้ผลิตสื่อการเรียนรู้ในประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าและการสวมหมวกนิรภัย ในสไตล์การเรียนรู้ผ่านกระบวนการเกม (Game-Based Learning) เพื่อให้ครูตำรวจมีสื่อที่เหมาะสมนำไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนกลุ่มเด็กและเยาวชนในสถานศึกษาหรือชุมชน

โดยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 และ 1-2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้ทำการอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับครูตำรวจ D.A.R.E ตำรวจชุมชนและมวลชนสัมพันธ์ (ชมส.) และตำรวจจจจราจร จาก 88 สถานีตำรวจ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมมาตรการทางกฎหมาย กระบวนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐาน การฝึกปฏิบัติ และการจัดทำแผนการขยายผลในสถานศึกษา ทั้งนี้ การอบรมได้รับความสนใจและประเมินผลในเชิงบวกจากผู้เข้าร่วม โดยครูตำรวจมีความมั่นใจในการนำสื่อการเรียนรู้ไปใช้ในการให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่รับผิดชอบ

พล.ต.ต.ดร.พัลลก แอร่มหล้า รอง ผบช.น. ดูแลด้านยาเสพติด ในฐานะประธานการฝึกอบรม กล่าวว่า บทบาทใหม่ของตำรวจ ไม่ใช่เพียงเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่เป็นผู้พิทักษ์อนาคตของชาติอีกด้วย โดยจากการจับกุมพบว่าได้มีการนำยาเสพติดมาใส่ไว้ในบุหรี่ไฟฟ้าให้ผู้เสพใช้เสพยาเสพติดผ่านบุหรี่ไฟฟ้า “เกมการ์ดผู้กล้าฝ่าควันร้าย” จึงไม่ใช่แค่เกม แต่เป็นเครื่องมือเปลี่ยนชีวิตที่จะทำให้เด็ก ๆ เรียนรู้ผ่านความสนุก ฝึกทักษะจริง และจดจำบทเรียนได้นาน หลัจจากการอบรม แต่ละคนจะกลายเป็น “เมล็ดพันธุ์” ที่จะไปเพาะปลูกความรู้ต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ดร.สุรศักดิ์ เลาทพิบูลย์กุล หัวหน้าโครงการ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการอบรม ครูตำรวจจจะนำสื่อการเรียนรู้ไปขยายผลสู่สถานศึกษาในพื้นที่ โดยมีเป้าหมาย 352 ครั้งการอบรม (สถานีละ 4 ครั้ง) เพื่อเข้าถึงเด็กและเยาวชนกลุ่มเป้าหมายอย่างน้อย 14,000 คน ภายในเดือนกันยายน 2568 โครงการนี้ถือเป็นต้นแบบการใช้นวัตกรรม Game-Based Learning ในการป้องกันปัญหาสารเสพติดและส่งเสริมความปลอดภัย ที่สามารถขยายผลไปยังปัญหาอื่น ๆ ในอนาคต เพื่อสร้างสังคมไทยที่เด็กและเยาวชนมีภูมิคุ้มกันจากสารเสพติดทุกรูปแบบ และมีจิตสำนึกความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img