‘เท้ง-โรม’ ลุยชายแดนสระแก้ว ผงะเจอโพรงข้ามแดน สงสัยใช้เป็นฐานแก๊งคอลฯ – สแกมเมอร์

906

‘หัวหน้าเท้ง’ โรม ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา ผงะ.!!เจอขุดดินลอดรูข้ามแดน พบเพิ่งใช้กระสอบทรายปิดทางเข้า-ออก สงสัยฝั่งตรงข้ามใข้เป็นฐานสแกมเมอร์-คอลเซ็นเตอร์.?

วันที่ 6 ก.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์ รายงานว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือเท้ง ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่อำเภออรัญประเทศจังหวัดสระแก้ว ร่วมกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและการบริหารกิจการชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีหน่วยงานความมั่นคง นายอำเภอ กรมการปกครอง รวมถึง เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ด้วย

จุดแรกมาที่บริเวณด้านหลังห้างสรรพสินค้า อรัญประเทศ โดย พ.อ.เมธี คำเต็ม ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา รายงานว่า จุดนี้เป็นพื้นที่ที่การข่าวแจ้งว่า ใช้เป็นช่องทางลักลอบข้ามไปฝั่งกัมพูชา เป้าหมายไปทำงานหรือเล่นการพนัน ปัจจุบันได้ซีลพื้นที่ตรงนี้แล้ว แต่ก็มีการลักลอบเข้าออกตลอด แม้จะมีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มีการจับกุมได้ทุกวัน และจากร่องรอยก็จะพบว่า เพิ่งก่อประตูปิดช่องไป แต่ก็ยังพบมีช่องที่ใช้การขุดดินลอดข้ามไป ซึ่งทางทหารยอมรับว่า พื้นที่ตรงนี้อาจจะดูแลยาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ของเอกชน

นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ได้ถามถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ต โดย พ.อ.เมธี กล่าวว่า หลังมีมาตรการคุมเข้มชายแดน ได้มีการลดระดับการปล่อยสัญญาณ ทำให้การใช้สัญญาณโทรศัพท์ตามแนวชายแดนจะเปิดใช้เฉพาะฝั่งไทย ส่วนฝั่งกัมพูชาจะไม่ได้รับสัญญาณ

ด้าน พ.อ.เมธี ยังระบุว่า การข้ามตามชายแดน นอกจากมีการใช้ลวดหนามขึงตลอดแนวแล้ว ตั้งแต่คลองลึกถึงป่าไร่ จะมีจุดตรวจประจำ ส่วนการตรวจตราจะมีการลาดตระเวน และดูผ่านกล้องวงจรปิด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ระบบการป้องกันดูแลตามแนวชายแดน จะดูในทุกเรื่อง เช่น ปัญหายาเสพติด อาชญากรรมทางเทคโนโลยี แก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ จะมีการประสานงานร่วมกับฝั่งกัมพูชา และหมู่บ้านมั่นคงตามแนวชายแดน ซึ่งจะมีแหล่งข่าวแจ้งเตือนทางฝั่งไทยถึงความเคลื่อนไหวของกัมพูชา อีกทั้งยังมีการลาดตระเวนร่วมกันระหว่างทหารพรานของไทยกับทหารกัมพูชา และมีการตั้งจุดตรวจร่วม 3 ฝ่าย ตามช่องทางคมนาคมที่จะแอบลักลอบไปฝั่งกัมพูชา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการข้ามแดนอย่างผิดกฎหมาย

จากนั้น นายรังสิมันต์ ให้สัมภาษณ์ว่า การลงพื้นที่ของ กมธ. พร้อมผู้นำฝ่ายในสภาฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ตั้งอนุ กมธ. จัดทำรายงานในข้อเสนอแนะแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งระบบไปยังรัฐบาล เรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ รวมถึงการค้ามนุษย์ที่มีความรุนแรง ต้องยอมรับว่าประเทศพื้นบ้านอย่างกัมพูชามีความรุนแรงมาก โดยก่อนหน้านี้เราเห็นความคืบหน้าไปบ้าง มีการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ในฝั่งกัมพูชาความคืบหน้ายังไม่น่าพึงพอใจเท่าไหร่ ซึ่งต้องการความคืบหน้ามากกว่านี้

การลงพื้นที่ครั้งนี้ ต้องขอบคุณผู้บังคับการทหารพรานที่ 12 เพื่อให้เราเข้าใจถึงปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของกัมพูชา อย่างไรก็ตามแม้ไทย-กัมพูชามีมีความขัดแย้งเกิดขึ้นตามแนวชายแดน และมีมาตรการหลายอย่างเกิดขึ้น รวมถึงมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ก็มีความพยายามในการข้ามไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวยังมีอยู่ และเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินการจับกุมอยู่เป็นระยะ ต้องยอมรับว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เติบโตมากในกัมพูชา

นายรังสิมันต์กล่าวว่า เมื่อเรามองแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่ามองแค่เรื่องการโกงเงิน แต่หนึ่งในปัญหาที่มีความร้ายแรงคือการค้ามามนุษย์ ซึ่งทั่วโลกให้ความสำคัญ เราไม่ควรปล่อยให้มีเหตุการณ์ค้ามนุษย์แบบนี้ แน่นอนแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน กฎหมายไทยไม่ถึง แต่ตนเชื่อว่ากลไกกฎหมายระหว่างประเทศยังมีอยู่ ซึ่งจะต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งจะมีการพูดคุยใน กมธ.ต่อไป

วันนี้ นอกจากการลงพื้นที่ของ กมธ.แล้ว ยังมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และดีเอสไอ ร่วมลงพื้นที่ร่วมด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งต้องขอขอบคุณทหารพรานที่มาช่วยอำนวยความสะดวกในวันนี้ ตนเห็นความตั้งใจ แต่พื้นที่ชายแดนต้องการสนับสนุนจากทุกรูปแบบมากกว่านี้เพื่อแก้ไขปัญหา และคงไม่ใช่เรื่องที่สามารถแก้ปัญหาชั่วข้ามคืนได้

ส่วนเป้าหมายในการมาครั้งนี้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กมธ. จะต้องนำรายละเอียดมาพูดคุยและสำรวจต่อไปว่านโยบายต่างๆ เรื่องชายแดนเป็นอย่างไร และนโยบายรัฐบาล Seal Stop Safe ตนคิดว่าไม่ได้ขัดแย้งกับ กมธ. แต่ต้องศึกษารายละเอียดในการดู ตั้งแต่เรื่องของการตัดอินเตอร์เน็ต รวมถึงการตัดไฟให้กัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านี้กัมพูชาในการตัดเองแล้ว หากวันข้างหน้ากัมพูชากลับเข้ามาต่อไฟฟ้าใหม่ เราต้องมานั่งคุยกันว่าไฟของเราจะยังไหลไปฝั่งกัมพูชาหรือไม่

นายรังสิมันต์ ยังชี้ไปที่ตึกฝั่งตรงข้าม โดยอาคารที่บริเวณฝั่งกัมพูชา เป็นที่น่าสงสัยเกี่ยวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ ซึ่งต้องการไฟฟ้าและพลังงาน ซึ่งโดยภาพรวม เราสงสัยว่าอาจจะเป็นเมืองสแกมเมอร์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ โดยเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ในประเทศเดียว ฝ่ายนโยบายต้องไปพูดคุยเพื่อชวนนานาชาติมาร่วมในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่เคยไปพูดคุยกับองค์กรตำรวจ ซึ่งมีผู้เสียหายจากการโดนหลอก คาดว่าจะเยอะกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำ

ส่วนโครงการรั้วข้ามแดนกว่า 300 ล้านบาท ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วเสนอนั้น นายรังสิมันต์ ว่า ตนเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่สามารถเสนอ ซึ่งหากมีการเสนอเข้ามา เราสามารถพูดคุยกันได้อยู่แล้ว

“เมื่ออยากจะสร้างกำแพงชายแดน ในตอนนี้มีเทคโนโลยีเสาเซ็นเซอร์ มีเรด้าร์ตรวจจับได้หมด ไม่ว่าจะเป็นแมว สุนัข หรือนก สามารถระบุได้หมด ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องลงทุน และในประเทศไทยประดิษฐ์ได้ สามารถสร้างงานในประเทศได้ด้วยซ้ำไป ต้องไม่ลืมว่าจุดที่เราอยู่มีรั้ว แต่จุดที่มีรั้ว ก็มีการข้ามเข้าออกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อยู่ ดังนั้นหากพิจารณาทำเป็นรั้ว คงต้องไม่ใช่มีแค่รั้ว“

นายรังสิมันต์ ยืนยันว่าการลงพื้นที่ในครั้งนี้ จะมีการพูดคุยถึงกลุ่มทุนที่เป็นเบื้องหลังของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเข้มข้นด้วย ซึ่งคาดว่าจะลงในรายละเอียดพรุ่งนี้ ตอนนี้ตนได้ชื่อเพิ่มมาอีก 1 ชื่อ ซึ่งเกี่ยวพันกับผู้มีอำนาจในกัมพูชา และวันนี้ถือเป็นการมาให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานด้วว

เมื่อถามว่า ช่องธรรมชาติที่เห็นเป็นธรรมชาติโดยแท้จริง หรือจงใจให้เป็นช่องธรรมชาติ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เพื่อความแฟร์ ตนเข้าใจว่าการเข้าออกของทั้ง 2 ประเทศไม่ได้ยากอยู่แล้ว ถ้ามีความพยายามก็ข้ามได้ เรายอมรับว่าการขนคนภายใต้มาตรการที่เข้มข้น ต้องมีเครือข่ายและกระบวนการ เราต้องดูว่าคนที่เกี่ยวข้องมีใครบ้าง ซึ่งตนได้รายชื่อมาบางส่วนแล้ว

นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ. กล่าวช่วงหนึ่งว่า กำแพงรั้วที่เกิดขึ้นเป็นกำแพงที่สร้างขึ้นโดยเอกชนฝ่ายไทยเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ทางฝั่งไทยคอยตรวจตรา ในขณะที่ฝั่งกัมพูชาเป็นพื้นที่โล่ง ไม่ต้องมีส่วนรับผิดชอบอะไรเลย