ภารกิจช่วยชีวิตช้างป่า! “พลายหลง” ฟื้นตัวแล้ว! พร้อมเดินหน้าค้นหา “พังจักกะแหล่น” และ “พลายหงส์ทอง” ที่ตราด

940

29 มิถุนายน 2568 – นับเป็นเรื่องน่ายินดีเมื่อ “พลายหลง” ช้างป่าบาดเจ็บที่ทีมสัตวแพทย์ได้ทุ่มเทรักษาอย่างเต็มที่เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ขณะนี้มีอาการดีขึ้นและอยู่ในระยะฟื้นตัวแล้ว!

นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดว่า แม้พลายหลงจะปลอดภัยแล้ว แต่ภารกิจสำคัญยังไม่เสี็จสิ้น ทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการสุขภาพสัตว์ป่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองแก้ว และชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วที่ 15, 16, และ 24 พร้อมอาสาสมัครในพื้นที่ ยังคงเดินหน้าค้นหาและติดตามอาการของช้างป่าบาดเจ็บอีก 2 ตัว คือ “พังจักกะแหล่น” และ “พลายหงส์ทอง” ที่ได้รับบาดเจ็บและกำลังอาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านหนองมาตร ตำบลช้างทูน อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ทีมกู้ภัยช้างป่าได้เผชิญกับภารกิจสุดท้าทายกลางป่าลึก โดยนายสิรวิชญ์ ทรัพย์เอนก สัตวแพทย์ปฏิบัติการ รายงานถึงการปฏิบัติงานที่เต็มไปด้วยอุปสรรค โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 15.00 น. ทีมงานใช้โดรนสำรวจบริเวณสวนยางพารา แต่ความหนาทึบของเรือนยอดไม้ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นช้างได้

กระทั่งเวลา 16.00 น. เสียงร้องของช้างดังขึ้นบริเวณเชิงเขา ทำให้ทีมงานสามารถระบุพิกัดใหม่ได้ และพบช้างป่าอย่างน้อย 3 ตัวกำลังออกหากิน แต่ด้วยสภาพพื้นที่ที่เป็นป่าไผ่ทึบ ยากต่อการเข้าถึง ทำให้การติดตามเป็นไปอย่างระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ทีมงานเฝ้าระวังและติดตามอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 17.00 น. จนถึง 23.00 น. พบช้างป่ารวมแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ตัว แต่ท่ามกลางฝูงช้างเหล่านั้น ทีมงานยังไม่สามารถระบุได้ว่าตัวไหนคือ “พังจักกะแหล่น” หรือ “พลายหงส์ทอง” เนื่องจากช้างทั้งหมดอาศัยอยู่บนยอดเขาสูง และไม่มีการเคลื่อนที่ลงมาจนกระทั่งเวลา 01.00 น. ของวันที่ 29 มิถุนายน ทำให้ทีมงานต้องยกเลิกภารกิจค้นหาช้างในวันนั้นด้วยความเสียดาย

ในเช้าวันนี้ 29 มิถุนายน เวลา 12.00 น. ทีมงานได้ติดตามร่องรอยของ “พลายหลง” อีกครั้ง และพบลูกดอกที่ใช้ในการรักษาตกอยู่ 1 ดอก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่า “พลายหลง” ยังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่ และอาการโดยรวมยังคงอยู่ในระยะเฝ้าระวัง

สัตวแพทย์ฝ่ายจัดการสุขภาพสัตว์ป่าชี้แจงว่า จากการสังเกตอาการบาดเจ็บของช้างป่าเหล่านี้ พบว่าเป็นภาวะเรื้อรังที่อาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ประกอบกับพื้นที่ที่ยากลำบาก ทำให้การเข้าไปรักษาช้างป่าด้วยวิธีปกติเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ตาม สัตวแพทย์ประเมินว่าอาการของช้างอาจคงที่หรือค่อยๆ ดีขึ้นเองตามธรรมชาติได้ แต่ต้องใช้เวลา

ทีมเจ้าหน้าที่ทุกคนยังคงมุ่งมั่นและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดูแลช้างป่าบาดเจ็บในพื้นที่เป็นไปอย่างเหมาะสมและปลอดภัยที่สุด นี่คือความมุ่งมั่นของกรมอุทยานฯ ที่จะดูแลและรักษาชีวิตสัตว์ป่าให้รอดพ้นจากอันตรายและสามารถดำรงชีวิตอยู่ในธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย

สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 ศรีราชา