ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบผู้ต้องหาหมายจับคดียูฟัน หนีไปบวชเป็นแม่ชี

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ ศิริภัทรนุกุล ผกก.3 บก.ปคบ., พ.ต.ท.เทพรัตน์ ศุกระกาญจน์, พ.ต.ท.ธงฉาน ตันบุญเจริญ รอง ผกก.3 บก.ปคบ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.ธนภูมิ ศักดิ์ประศาสน์ สว.กก.3 บก.ปคบ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.3 บก.ปคบ. ร่วมกันจับกุม น.ส.ศศินกานต์ฯ อายุ 60 ปี ข้อกล่าวหา “ร่วมกันกู้ยืมอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกระทำความผิดการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”
สถานที่เกิดเหตุ ต.บางนา อ.บางนา กรุงเทพฯ ในและนอกราชอาณาจักร
พฤติการณ์ น.ส.ศศินกานต์ฯ ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดร่วมกับบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคร้องทุกข์ว่า ดำเนินธุรกิจในลักษณะแชร์ลูกโซ่ โดยมีการโฆษณาผ่านเว็บไซต์ ชักชวนประชาชนให้นำเงินมาลงทุน โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ตามกฎหมาย ทั้งที่ทราบดีว่าบริษัทไม่สามารถสร้างผลกำไรเพียงพอเพื่อจ่ายผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้างได้
โดย น.ส.ศศินกานต์ฯ มีบทบาทสำคัญในการชักชวนและบรรยายให้ประชาชนนำเงินมาลงทุน โดยได้รับโอนเงินจากลูกข่ายและสมาชิกจำนวนมากเข้าสู่บัญชีธนาคารของตนเอง รวมกว่า 19 ล้านบาท และมีการโอนเงินต่อไปยังบัญชีของบริษัทในเครืออีกหลายครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 5,200,000 บาท
จากการตรวจสอบพบว่า รูปแบบการดำเนินธุรกิจมีลักษณะเป็นเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ โดยใช้วิธีชักชวนคนให้ซื้อ “แพ็กเกจ” เพื่อเข้าร่วมเครือข่าย และจ่ายค่าตอบแทนจากเงินของผู้สมัครรายใหม่ การกระทำของ น.ส.ศศินกานต์ฯ จึงเข้าข่ายสมคบและร่วมกันหลอกลวงประชาชน โดยร่วมกับบริษัทดังกล่าวและอีกบริษัท ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้เช่นกัน
ปัจจุบัน น.ส.ศศินกานต์ฯ อยู่ระหว่างการหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมานานกว่า 10 ปี
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้ดำเนินการสืบสวนเพื่อจับกุม นางสาวศศินกานต์ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1358/2558 ลงวันที่ 23 มิ.ย. 2558 และได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวเพื่อติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้
จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าวได้หลบหนีไปบวชชีพราหมณ์อยู่ที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึง ผู้ต้องหาไหวตัวทันและหลบหนีไปได้อีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด

จนกระทั่ง น.ส.ศศินกานต์ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว น.ส.ศศินกานต์ฯ ส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ไม่ขอให้การใด ๆ ในชั้นสอบสวน ขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น และผู้ต้องหาไม่ขอให้ข้อมูลใด ๆ ที่พนักงานสอบสวนสอบถามในชั้นสอบสวน
ทั้งนี้ คดียูฟัน (UFUN) เป็นหนึ่งในคดีแชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยเริ่มต้นในช่วงปี 2556–2558 โดยบริษัทแห่งหนึ่งได้ชักชวนประชาชนให้ร่วมลงทุนในธุรกิจขายตรง เช่น น้ำผลไม้ สมุนไพร และเครื่องสำอาง พร้อมกับสัญญาว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงจากการหาสมาชิกเพิ่ม
ความเสียหายและการดำเนินคดี
- มีผู้เสียหายกว่า 2,451 คน และความเสียหายรวมกว่า 356 ล้านบาท
- ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 22 คน โดยแม่ข่าย 7 คน ถูกจำคุกคนละ 50 ปี และอีก 15 คน จำคุกคนละ 20 ปี ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 21 คน ยกฟ้อง
- ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลย 11 คน และลงโทษจำเลย 32 คน จำคุกคนละ 20 ปี
- ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ โดยให้จำคุกจำเลย 32 คน คนละ 20 ปี และให้ชดใช้เงินรวม 356 ล้านบาท แก่ผู้เสียหาย 2,451 คน
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอฝากประชาสัมพันธ์ และขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็น หรือมีเบาะแสเกี่ยวกับผู้ที่มีหมายจับคดียูฟัน หรือความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง แจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 1135 เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคต่อไป
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”

