สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผบช.สตม.) ได้สั่งการให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมนายโครี่ ซามูแอล มาดูบูชิ อายุ 30 ปี สัญชาติไนจีเรีย ในข้อหา อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดนาน (Over Stay) กว่า 4 ปี ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณบ้านเอื้ออาทรนนทบุรี พร้อมหลักฐานการหลอกให้โอนเงิน 41 รายการ สลิปการโอนเงิน 57 รายการ และโทรศัพท์ที่มีรูปถ่ายฝรั่งหน้าตาดีหลายภาพ พร้อมเอกสารอื่นๆจำนวนมาก ในกรณีที่พบว่าเป็นขบวนการแสร้งรักออนไลน์ หรือโรแมนซ์สแกรม
นอกจากนี้ได้มีการสั่งปฏิบัติการระดมกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และแสร้งรักออนไลน์ ระหว่างวันที่ 5-9 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยผลปฏิบัติการสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีโรแมนซ์สแกรมได้ 16 ราย เป็นชาวต่างชาติ 2 ราย คนไทย 14 ราย ส่วนคดีคอลเซ็นเตอร์สามารถจับกุมผู้ต้องหาเป็นคนไทยได้ 3 ราย
ในขณะเดียวกัน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ แถลงข่าวจับกุมผู้ใช้สื่อโซเชี่ยลหลอกลวงประชาชน และฉ้อโกงทางออนไลน์ผ่านทางเฟสบุ๊คโดยมีผู้เสียหายจากทั่วประเทศกว่า 1,500 คน มีมูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า พฤติกรรมของผู้ต้องหามีการเปิดเพจเฟสบุ๊ค 3 เพจ ชื่อ Fast Rasing Shop, บริษัท Me Online Center และ Top Hit Shopping ซึ่งมีสินค้าชนิดต่างๆมาจำหน่ายให้กับลูกค้า และประชาชนทั่วไป อาทิ อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ กระเป๋าเดินทาง และตู้อเนกประสงค์ในราคาถูกกว่าท้องตลาด โดยมีผู้สนใจซื้อสินค้าและโอนเงินให้ผู้จำหน่ายเป็นจำนวนมาก กระทั่งเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา 3 เพจดังกล่าวก็ได้ปิดตัวลงทำให้ประชาชนที่สั่งซื้อสินค้าทราบว่าตัวเองถูกหลอก จึงรวมตัวกันมาพบตน เพื่อให้สืบสวนติดตามคดี โดยล่าสุดตำรวจได้รวบรวมหลักฐานและสอบปากคำผู้เสียหายและพยานจำนวน 24 ปาก และพยานหลักฐานต่างๆ จนทราบว่ามีผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด 6 ราย ประกอบด้วยนายเพชรภูมิ สการภักดีสกุล อายุ 37 ปี แอดมินเพจ และเป็นผู้สั่งการทั้งหมด โดยมี น.ส.ปัทมา ธัญญาโภชน์ อายุ 25 ปี, น.ส.วิภา กล่ำเจริญ อายุ 25 ปี, นายชาติสุธี บุญสร้าง อายุ 30 ปี และนายขวัญชัย มาอยู่ อายุ 31 ปี เป็นผู้จัดหาบัญชี รับโอนเงินและเป็นคนเปิดบัญชี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ได้นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป