นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยนั้นว่าการที่จะไปรวมพรรคกับใครนั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความคิดนั้น โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่าพรรคฯ จะเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ด้วยการนำเสนอทั้งนโยบาย ซึ่งเห็นว่าจะเป็นคำตอบให้กับประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของปากท้อง เศรษฐกิจ ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่หนักหน่วงมาก พรรคฯ เตรียมไว้ตรงนี้ค่อนข้างมาก กับการเตรียมให้ประเทศไทยนี้มีธรรมาภิบาลจริงๆ แล้วเข้าสู่มาตรฐานสากล พรรคฯ มีชุดนโยบายและอุดมการณ์อย่างนี้ แล้วก็จะนำเสนอบุคลากรของพรรคมาเป็นผู้นำของประเทศ เราก็ต้องการที่จะได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ดีที่สุดเลยคือได้เกินครึ่ง ซึ่งนั่นคือเป้าหมาย และถ้าพรรคได้ตรงนี้ก็คือจบกล่าวโดยนายอภิสิทธิ์
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่าในกรณีถ้าถ้าไม่ได้ ก็จะบอกพรรคฯ ก็ต้องดูว่าเราจะให้ประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ แล้วก็ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของตัวเองจะสมหวังได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ให้ความว่าตนนั้นจึงเป็นคนแรก และถึงทุกวันนี้ก็ยังยืนยันว่าใครที่รวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ คือเกิน 250 เสียง ก็ควรที่จะได้มีโอกาสในการที่จะจัดตั้งรัฐบาล ด้วยความเคารพ อำนาจของวุฒิสภาที่มีอยู่ตามรัฐธรรมนูญ นายอภิสิทธิ์ให้ความเห็นต่อว่าวุฒิสภาไม่พึงที่จะไปขัดขวางเจตนารมณ์ของประชาชนตรงนี้ ดังนั้นก็จะอยู่ที่การรวบรวมเสียงข้างมาก หลักเกณฑ์ในการรวบรวมเสียงข้างมากของประชาธิปัตย์นี้ก็คือ ต้องยึดเอาอุดมการณ์ และสิ่งที่บอกกับประชาชนเอาไว้ในการเลือกตั้งเป็นตัวตั้ง เพราะฉะนั้นใครที่บอกว่า รวมกันเพื่อกีดกันคนใดคนหนึ่งออกไป แต่ปรากฎว่าอุดมการณ์ นโยบายไม่ตรงกันเลย คดโกง ไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่มีแนวทางการแก้ไขปัญหาประเทศที่สอดคล้องกับเรา ก็ร่วมไม่ได้ ร่วมไม่ได้ คราวนี้ไม่ใช่รวมแล้ว ร่วมไม่ได้
นายอภิสิทธิ์กล่าวทิ้งท้ายว่าถ้าไม่ปรับรื้อกันแบบชนิดที่เรียกว่าครั้งใหญ่ ร่วมลำบาก อันนี้คือการร่วมเป็นรัฐบาล ถ้าเป็นสภาพที่เป็นอยู่ ร่วมกันไม่ได้ แล้วก็อย่างที่บอก ต้องปรับรื้อครั้งใหญ่โดยนายอภิสิทธิ์ย้ำว่า “ตราบเท่าที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของครอบครัวชินวัตร ร่วมไม่ได้”
.