กมธ.ที่ดิน เปิดเวที จ.นครสวรรค์ ถกแก้ปัญหาที่ดินทั่วประเทศ แนะแนวปชช. วิธีเขียนหนังสือร้องเรียนรัฐ

808

ที่นครสววรค์ – นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานเปิดการอบรมสัมมนาในหัวข้อ “แนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินและ ทรัพยากรธรรมชาติ” ระหว่างวันที่ 3-4 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะในการแก้ไขปัญหาที่ดินให้กับเครือข่ายภาคประชาชน ซึ่งจะมีการจัดอบรมทั้งหมด 8 ครั้งในแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศ สำหรับภาคเหนือตอนล่าง มีเครือข่ายเข้าร่วมจาก 8 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์, พิษณุโลก, พิจิตร, เพชรบูรณ์, สุโขทัย, อุตรดิตถ์, ตาก และกำแพงเพชร

ในวงสัมมนาได้สำรวจปัญหาหลักในภาคเหนือตอนล่าง พบว่าปัญหาที่ดินในพื้นที่นี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับกรณีเอกสารสิทธิ์ซ้อนทับกับที่ดินของชาวบ้าน เช่น หนังสือสำคัญที่หลวง (นสล.), ปัญหาที่ดิน ส.ป.ก., เหมืองหิน-เหมืองทอง, ที่ดินทับซ้อนในเขตอุทยาน, ปัญหาการขอใช้สาธารณูปโภคในป่า, ที่ดินนิคม และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกรมธนารักษ์ ซึ่งล้วนเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างชัดเจน

ที่ประชุมได้เจาะลึกถึงปัญหา พร้อมเสนอแนวทางแก้ไข โดย พรพนา ก๊วยเจริญ ผู้ชำนาญการประจำคณะกรรมาธิการ นำเสนอประวัติศาสตร์การถือครองที่ดินตั้งแต่สมัยสนธิสัญญาเบาว์ริงจนถึงปัจจุบัน พบว่าประเทศไทยมีโฉนดที่ดินรวม 102 ล้านไร่ โดยกรุงเทพมหานครมีโฉนดมากที่สุด ส่วนแม่ฮ่องสอนมีน้อยที่สุด สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำในการออกกรรมสิทธิ์ที่ดินของประเทศไทยอย่างชัดเจน ขณะที่ ธนากร อัฏฐ์ประดิษฐ์ ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการฯ นำเสนอประวัติศาสตร์การจัดการป่าไม้ของไทย ตั้งแต่ยุคสัมปทาน จนถึงผลพวงปัญหาจากการเพิ่มพื้นที่ป่าให้ถึง 40% ของประเทศในยุค คสช. และการค้าคาร์บอนเครดิตในปัจจุบัน

ด้าน เล่าฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล เลขานุการคณะกรรมาธิการฯ อธิบายภาพรวมกฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งในและนอกเขตป่า โดยชี้ให้เห็นถึงโครงสร้างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอุปสรรคในการปฏิรูปที่ดินที่ยังไม่สำเร็จตั้งแต่ปี 2485 โดย ธิวัชร์ ดำแก้ว ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการฯ เสนอแนวทางการปฏิรูปการจัดการที่ดินของรัฐใหม่ทั้งระบบ เพื่อแก้ปัญหาการถือครองที่ดินที่ซับซ้อน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนและการรับรองสิทธิ์ในที่ดินทั้งส่วนบุคคล ชุมชน และของรัฐ พร้อมผลักดันการนิรโทษกรรมคดีป่าไม้และที่ดินที่มีลักษณะอยุติธรรม

ในการอบรมครั้งนี้ ยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการยื่นเรื่องร้องเรียนปัญหาที่ดินต่อหน่วยงานรัฐ พร้อมอบรมการเขียนหนังสือร้องเรียนอย่างถูกต้อง เพื่อให้ประชาชนสามารถสะท้อนปัญหาและให้หน่วยงานรัฐและเร่งแก้ไขในพื้นที่ของตนอีกด้วย

สำหรับการจัดเวทีครั้งถัดไปจะจัดขึ้นที่จังหวัดสงขลา ในเดือนมิถุนายน และ จังหวัดพังงา ในเดือนกรกฎาคม โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เนื่องจากภาคใต้มีปัญหาที่ดินหลายกรณี โดยเฉพาะที่ดินสวนปาล์มและสวนยางพารา