วิกฤตซ้อนวิกฤต ที่ไร้ผู้นำที่มีความคิด หาทางออก

556

แม้ว่าจะมีการนั่งยันนอนยันยืนยัน ว่าจะยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ถึงวันนี้วินาทีนี้ กระแสปรับคณะรัฐมนตรีก็ยังคงถูกพูดถึงซ้ำ ๆ บางวันออกมาวันละหลายโผ มีทั้งนั่งเทียนเขียนเอง รับงานข่าวปล่อยมา วิเคราะห์กันไปต่าง ๆ นานา หรือกระทั่งไปถามผิดฝาผิดตัว ถึงวันนี้ยังมีใครเชื่อไหมว่า คนที่บอกจะมาเลี้ยงหลานไม่มาล้วงลูกการปรับ การจัดสรรเก้าอี้

สำหรับกระแสข่าวทั้งที่จงใจปล่อยกันมา มีทั้ง อาทิ นายภูมิธรรม เวชชัย รมว.กลาโหม อาจจะถูกสลับจากกระทรวงกลาโหม ไปนั่งเก้าอี้เดิมที่กระทรวงพาณิชย์ ส่วน พิชัยเจ้ากระทรวง เกัาอี้หลุด รมว.คลัง อีกหนึ่งพิชัย มีกระแสว่าจะมีนายแบงค์ส่งคนเข้ามาประกวดแข่งกัน  รมช.มนพร จากคมนาคมจะข้ามห้วยไปมหาดไทย ในกระทรวงเกษตรก็จะมีการปรับ ทำนองนี้

เอาหละ ทุกคนมาสูดหายใจลึก ๆ ไปพร้อม ๆ กัน นึกกันให้ดีว่าวันนี้มีอะไรที่เป็นปัญหาในบ้านเมืองนี้ แล้ววันนี้ที่คนเหล่านี้กำลังเล่นเก้าอี้ดนตรี ประชาชนได้อะไรจากข่าวและการตกเป็นเหยื่อของข่าวเหล่านี้บ้าง เพราะบรรดานักการเมืองที่เป็น “นายทุน”ที่รอถอนทุน หรือที่“ทำพื้นที่”ไม่ว่าจะกระแสหรือ“กระสุน”ย่อมอยากมีชื่อตัวเองขึ้นในทำเนียบการเป็นรัฐมนตรี มีรถนำ อยากใหัประชาชนเรียกจาก “ท่าน สส.” เป็น “ท่านรัฐมนตรี” ของแบบนี้เป็นแค่ไม่กี่เดือนก็ยอม เสมือนบารมี

ชีวิต ที่ไม่ได้คิดถึงความรู้ความสามารถ หรือความชำนาญในการ“ทำงานที่มีความเฉพาะทาง” เช่น เอาตำรวจไปดูครู เอานักเลือกตั้งไปคุมหมอ เอาสมุนใกล้ตัวไปเป็นรองนายกฯ เอาพ่อค้าไปคุมมหาดไทย เอานายทุนไปคุมแรงงาน ไปคุม อว. เอาไปคุมคมนาคม ฯลฯ ทุกคนที่เข้ามา นอกจากหวังการมีภาพแปะฝาบ้านว่าครั้งหนึ่งฉันเคยเป็น“เจ้ากระทรวง” แล้วนั้น มีใครฉุกคิดไปว่า “การเซ็น” อนุมัติ การทำโครงการ การเรียกผู้รับเหมา การหักเปอร์เซ็นต์ การหาประโยชน์จากการแต่งตั้งตำแหน่ง การส่งส่วย ไม่มีจริงๆหรือ ?

เราอาจไม่ได้คำตอบในเรื่องนี้ ไม่มีใบเสร็จ แต่ทุกอย่างของนักเลือกตั้ง ไม่มีใครเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ไปกว่าการหวังเข้ามาอีกมาแบ่งเค้กอีก เว้นเสียแต่ว่าให้บรรดานักการเมืองเหล่านี้ไปจุดธูปสาบานต่อวัดพระแก้วว่ามาทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีเบียดบังอะไรแม้แต่สตางค์เดียว เชื่อได้สนิทใจว่าไม่มีใคร“กล้า!”

ถ้าทุกคนนึกอะไรไม่ออกลองจินตนาการนึกถึง สตง.หน่วยงานที่เข้ามาเป็นไม้บรรทัดวัดการใช้จ่ายของคนในราชการ พริกที่ถูกวัด การเบิกจ่าย โรงเรียนต่างจังหวัดที่ติดขัด อุปสรรคจาก“คนที่มีความคิดเป็นราชการช้าหลัง” กลัวการโกง แต่ลืมดูสำนักงานอาคารตัวเองที่มีความน่าสงสัยในความโปร่งใสที่อยู่ในความสนใจของคนทั้งประเทศ คุณเคยวัดความสุจริตผู้อื่น แต่คุณอาจลืมส่องกระจกดูตัวเอง วันนี้ความน่าเชื่อถือคือติดลบทั้งการทำตึก การสั่งฝักบัวราคาแพง การออกแบบอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกเกินความจำเป็นในการทำงานราชการ พังทลายไปพร้อมกับตึก นี่คือหน่วยงานเพียงแห่งเดียวที่เรามีข้อมูลให้เห็น เราลองย้อนไปถึงการลงทุนซื้อตึกของสำนักงานประกันสังคม การทำโครงการของคมนาคม มหาดไทย กระทรวงเกษตร ถามว่า“พวกคุณมั่นใจในความบริสุทธิ์ใจ”ในการทำโครงการของพวกเขาได้แค่ไหน ขนาดหน่วยตรวจทุจริตยังมีปัญหา แล้วบรรดากระทรวงต่างๆของประเทศที่มีช่องว่างช่องโหว่รอคนมาแบ่งเค้กจะไม่มึปัญหาเลยหรือ ?

ที่สำคัญ ณ วันนี้สงครามการค้าของโลกหนักมาก เศรษฐกิจโลกผันผวนสุด ว่ากันว่าจากวิกฤตต้มยำกุ้ง วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ วิกฤตโควิด ครั้งนี้ก็มีผลต่อบ้านเมืองเราไม่น้อยเช่นกัน เพราะความโกลาหลทางนโยบายของชาติมหาอำนาจนั้นไซร้ยากแท้ หยั่งถึง การประกาศขึ้นภาษีแม้ว่าวันนี้ท่าทีแข็งกร้าวเริ่มเบาบาง แต่ทว่าเค้าลางของความหายนะทางเศรษฐกิจมันเกิดขึ้นไปแล้ว การชะลอส่งออกเพื่อดูการเจรจา การนำเข้าชะงัก คนจะตกงานจากการลดกำลังการผลิต คนอาจมีรายได้ลดลงไม่มีโอที  ลามไปเป็นทอด ๆ ยังไม่รวมวิกฤตภัยแล้ง น้ำท่วมที่ประเทศนี้มีห้วงเวลาเกิดบ่อยครั้งอันส่งผลถึงชีวิตประชาชนตาดำๆ ตามต่างจังหวัดและชนบท วันนี้เราเจอวิกฤตซ้อนวิกฤติ ทั้งในแง่วิกฤตการเมืองที่เล่นเก้าอี้ดนตรี เอาคนที่ไม่มีความสามารถมาบริหาร แล้วเข้ามาทานเค้กชิ้นโตๆ ผสมกับวิกฤตของโลกที่โกลาหลมาก ยากต่อการรับมือ ต้องการคนมีวิสัยทัศน์ และแก้ปัญหาอย่างมืออาชีพมาทำให้วิกฤตเบาบางลงกระทบประชาชนน้อยที่สุด คำถามคือวันนี้เป็นแบบนั้นหรือยัง เราดูได้จ่กข่าวการเมืองแก่งแย่ง ปล่อยข่าว แก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น เห็นแต่ตัวเองและพวกพ้อง เล่นกันแต่เกมเตะตัดขา แต่ไม่มีปัญญาแก้ปัญหาชาวบ้าน

วันใดที่ประเทศนี้เจริญได้จากรัฐราชการและนักการเมือง วันนั้น ประเทศไทยจะมีหิมะตก!

ใช่ครับมันไม่มีจริง

หากเขาคิดถึงประชาชนจริง ให้ได้สักเสี้ยวนึงของตอนหาเสียงสถานการณ์จะไม่เป็นอย่างที่เห็นๆกันในข่าวครับ

ทุกวันนี้เรายังไม่เห็นความสามารถนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสักคนแบบประจักษ์ชัด อุ่นใจว่าจะฝ่าวิกฤตหนนี้ไปได้เลย ไม่เห็นแม้แต่เค้าลาง การไปเจรจากับสหรัฐกับยังดูไม่มีวี่แววแม้จะแก้เก้อว่าต้องไม่มีผลีผลาม แต่เราไม่สำคัญพอไงครับ ชาติอื่นทำไมเขาไปเจรจาได้ ทำไมเขาให้ความสำคัญ วันนี้ต้องถามตัวเองดังๆครับท่านผู้นำว่าอะไรสำคัญสุดระหว่าง ตัวท่านเอง ครอบครัวของท่าน หรือประเทศชาติและประชาชนที่ท่านอ้างแต่ปาก แต่การกระทำยังไม่ชัด!