หลังเมษาฯคาดว่ามี”ครม.อุ๊งอิ๊ง 2”ภูมิใจไทยอาจโดนยึดกระทรวงหลัก เหตุอยากพลิกบทพระรองเป็นพระเอก?

365


กระแสปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ถูกนักวิจารณ์การเมืองนำมาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีขึ้นหลังเดือนเมษายน และมีความเห็นของนักวิชาการบางคนว่าพรรคภูมิใจไทย อาจจะถูกปรับออกหรือยังคงร่วมรัฐบาลแต่จะถูกยึดเก้าอี้เสนาบดีกระทรวงเกรดเอคืน

      มีการมองกันว่าสาเหตุอาจจะมาจากพรรคเพื่อไทยไม่พอใจที่ภูมิใจไทย อยากสลัดบทพระรองมาเล่นบทพระเอกด้วยการเกาะกระแสต่อต้านพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มวลชนหลายกลุ่มออกมาต่อต้าน


         เริ่มที่ นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นอภิปรายกลางสภาฯประกาศว่าเป็นลูกนายเนวินและนางกรรุณา ชิดชอบ จากนั้นไล่ยาวในหลายประเด็นก่อนมาจบด้วยการประกาศจุดยืนว่าไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโนไม่ใช่แค่ร่างนี้ แต่ทุกฉบับในอนาคตแม้แต่ร่างจากพรรคภูมิใจไทย

        พลันที่พูดจบมีอาการสะอื้น จน สส.บางคนตั้งข้อสังเกตว่านายไชยชนก คุมอารมณ์ไม่อยู่ แต่ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหน ถ้ามองในเชิงการเมืองถือว่านายไชยชนก เล่นบทเอาแต่ใจตัวเองไม่เคารพการตัดสินใจของรัฐมนตรีภูมิใจไทย ที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคฯ เพราะ พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้ผ่านความเห็นชอบของ ครม.มาแล้ว  ซึ่งบทบาทที่ นายไชยชนก แสดงออกถ้าเป็นเพียง สส.คงไม่มีใครสนใจเพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้แล้วว่า สส.มีความเป็นอิสระในการแสดงความเห็น แต่บังเอิญนายไชยชนก เป็นถึงเลขาธิการพรรคฯ มาเล่นบทไม่เห็นด้วยกับกฎหมายที่ครม.เห็นชอบแล้วถือว่าไม่เหมาะ หรือเพราะมีพ่อชื่อเนวิน จึงแสดงบทโชว์เหนือแบบเอาแต่ใจตัวเองได้

    ประเด็นถัดมาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งสุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุม นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯคนที่ 2 พรรคภูมิใจไทย ลูกนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีหลายสมัยบ้านใหญ่อ่างทอง ทำหน้าที่ประธาน พูดในที่ประชุมว่า อาจจะเป็นการประชุมนัดสุดท้าย หลังจากนี้อาจจะไม่มีการประชุมสภาฯแล้วก็เป็นได้

      หากตีความตามที่นายภราดรพูด คงหมายถึงว่าอาจจะยุบสภาฯหรือเกิดเหตุไม่คาดฝันในช่วง 3 เดือนที่ปิดสมัยประชุม ประเด็นที่พูดถ้าไม่ใช่เกมการเมืองที่แกนนำภูมิใจไทยวางไว้ สะท้อนถึงความไร้วุฒิภาวะเพราะระดับรองประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ คำพูดในลักษณะนี้ส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นในระดับประเทศได้

      แต่ถ้าทั้งสองกรณีคือเกมที่แกนนำภูมิใจไทยตั้งใจปล่อยให้ 2 บิ๊กแนมของออกมาเล่นเกาะกระแสพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ หวังสลัดบทพระรองมาเล่นบทพระเอก ในช่วง 3 เดือนนี้ ตามที่นายภราดร คาดหมายว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วยการยุบสภาฯ   ถ้าเป็นจริงถือว่าภูมิใจไทยเดินเกมพลาด

        เพราะในสถานการณ์ปัจจุบัน แม้รัฐบาลจะถูกฝ่ายแค้นวิจารณ์อย่างหนักโดยเฉพาะบทบาทของนายกรัฐมนตรีที่อ่อนหัดทางบริหารและการเมือง และบทบาทนายทักษิณ ชินวัตร พ่อนายกรัฐมนตรี ที่ครอบงำรัฐบาล มิได้ทำให้ทั้งสองรู้สึกซวนเซแต่อย่างใด

    จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้พรรคภูมิใจไทยจากที่เป็นต่อกลายเป็นรอง ถ้ามีการปรับครม.เชื่อว่าพรรคเพื่อไทย ต้องดึงกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาธิการ กลับมาบริหารเพื่อสร้างผลงานพร้อมกับวางฐานเสียงเพื่อการเลือกตั้งสมัยหน้า แล้วโยนกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ภูมิใจไทยไปบริหาร 

    เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยคงจะยอม เพราะในภาวะปัจจุบันไม่มีพรรคไหนอยากเป็นฝ่ายค้าน และอำนาจต่อรองในสภาฯดูน้อยลงแม้จะเป็นพรรคอันดับสอง เพราะจากตัวเลขส.ส. ณ วันที่ 1 เมษายน มีจำนวน 493 คน ฝ่ายค้าน พรรคประชาชน 143 คน พลังประชารัฐ 20 คน ไทยสร้างไทย 6 คน เป็นธรรม 1 คนและไทยก้าวหน้า 1 คน รวม 171 คน ฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทย 142 คน ภูมิใจไทย 69 คน รวมไทยสร้างชาติ 36 คน ประชาธิปัตย์ 25 คน กล้าธรรม 24 คน ชาติไทยพัฒนา 10 คน ประชาชาติ 9 คน ชาติพัฒนา 3 คน ไทยรวมพลัง 2 คน เสรีรวมไทย 1 และประชาธิปไตยใหม่ 1 คน รวม 322 เสียง

  ถ้าปรับภูมิใจไทยออก เสียงรัฐบาลจะเหลือ 253 เสียง และหักประชาธิปัตย์ออก 4 เสียง จะเหลือ 249 เสียง ซึ่งเสียงเกินครึ่ง 247 เสียง เพราะมีส.ส.เพียง 493 เสียง เท่ากับรัฐบาลมีเกิน 2 เสียง

   ในจังหวะที่กำลังปรับครม.เชื่อว่าแกนนำเพื่อไทยและกล้าธรรม สามารถเจรจาให้ไทยสร้างไทย 6 เสียง และพลังประชารัฐ 20 เสียง มาอยู่ซีกรัฐบาลได้ เท่ากับรัฐบาลมีเสียงสนับสนุน 273 เสียง

     แม้ว่าหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยและกรรมการพรรคจะไม่ยินยอม แต่ สส.6 คนลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรีมาแล้ว แม้ สส.6 คนไม่ได้นั่งตำแหน่งเสนาบดี เพราะขัดที่มติพรรคฯ สามารถส่งคนใกล้ชิดไปนั่งตำแหน่งทางการเมืองอื่นได้

   ดังนั้นถ้าพรรคภูมิใจไทย เล่นเกมตามที่วิเคราะห์จริง ถือว่าพ่ายแบบหมดรูป ในที่สุดจากพรรคที่เคยเล่นบทเสือจะต้องมาเล่นบทแมวแทน !!!