“ เทศกาลปีใหม่และสงกรานต์หน่วยงานรัฐจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ในการอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชน เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุเรียกกันติดปากว่าช่วง 7 วันอันตราย“

สงกรานต์ปีนี้ผ่านวันที่ 6 ของ 7 วันอันตรายพบว่าเกิดอุบัติเหตุ 1,377 ครั้ง บาดเจ็บ 1,360 คน เสียชีวิต 200 คน ความเสียหายทางทรัพย์สินและความเสียที่ต้องรักษาอาการบาดเจ็บคงประเมินค่ายาก สาเหตุอันดับ 1 ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด อันดับที่ 2 เมาแล้วขับ
สาเหตุแรกผู้ขับขี่อาจจะเผลอขับเร็วได้เพราะถ้ารถใหญ่เครื่องยนต์ซีซีสูงมีโอกาสเหยียบเพลินได้ สาเหตุเมาแล้วขับล้วนแต่อยู่ที่สำนึกของผู้ขับขี่ ถ้ายึดมั่นว่าดื่มไม่ขับโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อยมาก
ซึ่งประเด็นเมาแล้วขับมักจะถูกละเลยเสมอมา อาจจะเป็นเพราะการบังคับใช้กฎหมายค่อนข้างหย่อนยาน กลายเป็นช่องว่างให้ตำรวจแสวงหาผลประโยชน์ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ หลายคนทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จากข้อมูลที่ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการศึกษา ในฐานะคณะทำงานฝ่ายเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)แถลงว่าอุบัติเหตุเทศกาลสงกรานต์ช่วง11-13 เมษายน มียอดจับกุมเมาแล้วขับสูงถึง 11,801 ราย จำนวนนี้พบผู้กรทำผิดซ้ำมากถึง 63 ราย พื้นที่นครราชสีมา ดำเนินคดีผู้กระทำผิดซ้ำถึง 34 ราย
เพียงแค่ 3 วัน ตำรวจสามารถจับกุมเมาแล้วขับได้สูงกว่าหมื่นราย พอที่สะท้อนได้ว่าการบังคับใช้กฎหมายไม่มีความศักดิ์สิทธิ์พอ เพราะถ้าบังคับใช้อย่างจริงจังคงไม่มีใครกล้าฝืนด้วยตัวเลขสูงขนาดนี้ โดยเฉพาะพวกที่ทำผิดซ้ำซ้อน
จากพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)จราจรทางบก พ.ศ.2522 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 160 ตรี/1 ผู้ใดทำความผิดตามมาตรา 160 ตรี(เมาแล้วขับ)และทำผิดซ้ำอีกภายใน 2 ปี นับแต่วันที่กระทำความผิดครั้งแรก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับตั้งแต่ 50,000-100,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ผู้กระทำผิดซ้ำจะถูกส่งตัวไปฟ้องศาลจังหวัดและต้องถูกฝากขังตามอัตราโทษของศาลจังหวัด
กฎหมายกำหนดให้ศาลใช้ดุลพินิจลงโทษและปรับโดยเมื่อความผิดเมาแล้วขับในครั้งแรกอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากดูทาตามกฎหมายแล้วถ้าบังคับใช้อย่างจริงจัง เชื่อว่าจะพบผู้ทำผิดได้น้อยมาก แต่ที่ยังหาญกล้าอยู่มีอย่างน้อย 2 ปัจจัย
ปัจจัยแรกสารตั้งต้นอยู่ที่การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ แวดวงตำรวจมีเสียงครหาว่าด่านตรวจเมา เป็นแหล่งสร้างรายได้ชั้นดี ด้วยระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงมีรายได้เข้ากระเป๋านับแสน ที่ต้องทำยอดแบบนี้ เพราะก่อนออกตั้งด่านตรวจเมา บางด่านต้องขออนุมัติจากผู้กำกับการ(ผกก.) ก่อนเซ็นจะมีคิดคำนวณตัวเลขค่าน้ำหมึกด้วยตัวเลข 6 หลัก ช่วงคืนวันศุกร์และคืนวันเสาร์ค่าน้ำหมึกจะแพงเพราะมีนักท่องราตรีเยอะ
พอถึงเวลาตั้งด่านระหว่างตรวจเมาถ้าไม่ขัดขืนเจอปริมาณแอลกอฮอล์สูงจะถูกกักไว้ที่ด่านจนกว่าด่านเลิกแล้วนำตัวไปแจ้งข้อหาที่โรงพักพร้อมวางหลักทรัพย์ประกันตัว แต่ถ้าผู้ขับขี่มีฐานะไม่อยากมีคดีติดตัวจะเจรจาต่อรองจ่ายใต้โต๊ะ หลังปรับปรุงกฎหมายเพิ่มค่าปรับเพิ่มโทษติดคุกราคาจะสูงกว่าปกติ เริ่มต้นที่ 10,000 บาทและอาจจะไปจบที่ 20,000 บาท บางครั้งเจอเบี้ยน้อยราคาอาจจะจบที่ 5,000-6,000 บาท
หรือผู้กระทำผิดบางคนมีเส้นสายพอที่จะทำให้ตำรวจเกรงใจ จะโทรฯหาผู้ใหญ่ช่วยเคลียร์ให้ เพื่อไม่ให้เสียประวัติ ปรับน้อย จะแอบเปลี่ยนข้อหาจากเมาเป็นความผิดฐานอื่นแทน ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงในแวดวงตำรวจต่างทราบกันดี โดยค่าลายเซ็นอนุมัติจะจ่ายทันทีหลังเลิกด่านหรือจ่ายวันถัดมา ผลการเคลียร์ที่ด่านแล้วปล่อยไปแน่ใจว่าตำรวจเคยเก็บสถิติไว้หรือไม่ว่าขี้เมาพวกนี้ได้ขับรถไปประสบอุบัติเหตุบ้างหรือไม่
ปัจจัยที่สองบทลงโทษค่อนข้างเบา ผู้พิพากษาอาจจะยึดหลักความเมตตาให้ผู้กระทำผิดสำนึกกลับตัวกลับใจไม่กระทำผิดอีก พิพากษาลงโทษแค่ปรับ เพราะตามกฎมายบัญญัติไว้ว่าจำคุกหรือปรับหรือทั้งจำทั้งปรับ
จากสองปัจจัยที่ยกมาพอที่จะทำให้เห็นว่ากฎหมายเมาแล้วขับไร้ความขลัง เมื่อดูตัวเลขการจับกุมเมาแล้วขับของตำรวจช่วงวันที่ 11-13 เมษายน สูงถึง 11,801 ราย คงไม่ใช้เรื่องแปลกแต่อย่างใด
ถ้าการบังคับใช้กฎหมายเมาแล้วขับยังคงอะลุ้มอล่วย คนในสังคมต้องอยู่แบบทำใจ เพราะถ้าเกิดกับสมาชิกในครอบครัวใด ถ้าตายจะทุกข์ใจเพียงชั่วขณะ แต่พิการหรือนอนเป็นผัก คนในครอบครัวจะทุกข์อย่างยาวนาน
ดังนั้นเพื่อยับยั้งอุบัติเหตุที่เกิดจากเมาแล้วขับคงมีหนทางเดียวคือบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้มีอิทธิพลวงการต่างๆงดช่วยเหลือพวกพ้อง ตำรวจต้องทำงานตรงไปตรงมาเลิกพฤติกรรมเคลียร์ใต้โต๊ะ ทุกกรณีทุกคดีส่งศาลพิพากษาโทษตามกฎหมายบัญญัติขั้นสูงสุด
ถ้าทำได้จริงสามารถดัดสันดานพวกฝ่าฝืนกฎหมายและพวกอภิสิทธิ์ชน ไม่ให้เหิมเกริมได้เป็นอย่างดี แล้วจะช่วยให้การขับขี่รู้สึกปลอดภัย และทุกเทศกาลอุบัติเหตุจากเมาแล้วขับจะถูกโยนทิ้งถังขยะไปโดยปริยาย!!!
