นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมพูดคุยในรายการ ต้องถาม ทางสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ผมเป็นนักการเมืองอาชีพ สังกัดพรรคการเมืองที่ไม่เคยมีความเห็นว่าควรจะมีพรรคเดียวในประเทศไทย อันนี้ตรงข้ามกับฝ่ายคุณทักษิณ ซึ่งคุณทักษิณประกาศมาตลอด ซึ่งผมเห็นว่าไม่เป็นประชาธิปไตยเลย ที่คุณทักษิณบอกว่าพรรคฝ่ายค้านไม่ต้องมีก็ได้อะไรทำนองนี้
คือเราเห็นว่าการแข่งขันทางการเมืองพึงจะมี คนที่อยากจะเสนอตัวเข้ามา โดยเฉพาะถ้ามีทางเลือกใหม่ให้กับประชาชน เป็นเรื่องที่ดีทั้งสิ้น ส่วนหนึ่งก็คือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชน ส่วนที่ 2 คือเป็นการกระตุ้นให้คนที่อยู่เดิมต้องปรับปรุงตัวเอง เพื่อที่จะสามารถแข่งขันได้ แต่สิ่งที่ผมสนใจมากกว่าก็คือ ถ้าสมมติว่าท่าน พล.อ.ประยุทธ์ เปิดช่อง เปิดทางอย่างที่อาจารย์พูด ก็อยากให้รักษาเจตนารมณ์ในเรื่องของการปฏิรูป และธรรมาภิบาลไว้
ความหมายก็คือ ถ้ารู้ตัว หรือไม่แน่ใจว่าตนเองจะเป็นผู้เล่น คือเดิมนั้นแสดงตัวเป็นกรรมการ วันนี้บอกว่าอาจจะเป็นผู้เล่น ต้องไม่เอาความเป็นกรรมการกับความเป็นผู้เล่น หรือต้องไม่เอาอำนาจรัฐในการมาเอื้อการที่ตัวเองเป็นผู้เล่นเข้ามา ผมไม่ได้คิดเรื่องความได้เปรียบ – เสียเปรียบอะไร เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์ต่อสู้ 70 กว่าปีนี้ อยู่ในสถานะเสียเปรียบมาหลายต่อหลายครั้ง มันเป็นสิ่งที่เราบอกว่า เราก็ต้องสู้
แต่การที่ไม่รักษาธรรมาภิบาล หรือการใช้อำนาจรัฐ เอารัดเอาเปรียบนี้ มันจะเป็นการทำให้การเมืองไทยกลับเข้าสู่วังวนเดิมๆ ที่นำมาสู่การวิกฤติที่มีการต่อต้านประท้วงกันมาหลายต่อหลายครั้ง ชนวนเริ่มต้นก็มาจากความรู้สึกที่ว่า ไม่เป็นธรรม เอาอำนาจรัฐไปใช้ “อภิสิทธิ์” ระบุหากรัฐบาลไม่รักษาธรรมาภิบาล จะทำให้เมืองไทยกลับสู่วังวนเดิม